วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ (และความผิดพลาด) ในการเตรียมพร้อมสำหรับทริป Hokkaido ครั้งนี้

เผื่อใครอยากไปบ้าง จะได้เตรียมตัวกันแต่เนิ่นๆ จะได้เที่ยวสนุก พักสบาย แถมประหยัดเงินในกระเป๋าได้ด้วยครับ

1. ไปช่วงไหนดี?
งาน Sapporo Snow Festival จะจัดในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
จากปีที่ผ่านๆ มา งานจะเริ่มในช่วงประมาณวันที่ 5 ก.พ. (อาจบวกลบ 1-2 วัน) แล้วลากยาวไปประมาณ 1 สัปดาห์
แนะนำว่าให้มาช่วงวันต้นๆ เพราะหิมะที่จัดแสดงจะยังสวยงามอยู่ ถ้ามาวันท้ายๆ หิมะอาจละลายไปบ้างแล้ว

ต้องนับเป็นความโชคดีของคนไทย ที่ตอนนี้มีหลายสายการบินที่บินตรงญี่ปุ่น
ให้เลือกซื้อ เลือกหาได้ในราคาที่ถูกกว่าเมื่อก่อนมาก ทั้ง Low Cost และ Full service
แต่สายการบินที่บินตรงมา Sapporo มีเพียงสายการบินเดียว ก็คือ การบินไทย
ซึ่งก็ต้องไปลุ้นราคากันเอง ว่าจะมีโปรปล่อยมาเมื่อไร เพราะ route นี้ การบินไทยไม่ค่อยลดราคา

(เพราะไม่มีคู่แข่ง) และที่สำคัญคือ ช่วง Snow Festival แบบนี้ คงยากที่จะหาตั๋วราคาโปร

ดังนั้น ถ้าตั้งใจจะประหยัดงบประมาณ ตัดเรื่องบินตรงไปได้เลย
อ้าว! แล้วจะบินไปลงที่ไหนดี? แล้วจะจองตั๋วเมื่อไรดีล่ะ?
ก่อนตอบคำถามพวกนี้ จะเล่าประสบการณ์ของเราให้ฟังก่อนแล้วกัน

เมื่อเดือน ก.พ. ปี 2558 AirAsia X ประกาศว่าจะเปิดเส้นทางบินตรง กรุงเทพ – ซัปโปโร
ด้วยราคาตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ในราคาประมาณ 7 พันกว่าบาท (ยังไม่รวมค่าจิปาถะอีกมากมาย)
ตอนนั้นตาลุกวาวมาก และคิดไม่นานเลยกับการรอที่จะจองไป Snow Festival โดยได้ตั๋วโปรขาไปมาเรียบร้อย
กะว่าขากลับ ค่อยหาโปรบินกลับจากโตเกียวแล้วกัน

สุดท้าย…Route นี้ ยกเลิกจ้า… T_T

AirAsia ให้ข้อเสนอมาตอนแรก คือ
1) เปลี่ยนเวลาเดินทาง มาบินช่วงเดือน มิ.ย. ที่ยังสามารถทำการบินได้
2) เปลี่ยนสนามบินที่จะไป (แต่ระยะเวลาที่เดินทาง +/- 14 วัน จาก booking ที่จอง)
3) คืนเงิน
4) คืนเป็น credit shell ไว้ซื้อตั๋วใหม่

เราเลือกข้อ 2 โดยบินวันเดิม แต่ไปลงสนามบินนาริตะแทน และหาตั๋วขากลับจาก Narita ด้วย

(ซึ่งราคาก็ไม่ได้ถูกมากนัก)

ดังนั้น ขอตอบคำถามแรกที่ว่า แล้วจะบินไปลงที่ไหนดี? คำตอบก็คือ ไปลงสนามบินไหนในญี่ปุ่นก็ได้
ที่เราสามารถหาตั๋วโปรได้ในราคาที่พอใจ และสายการบินที่เรา Happy

*****แต่ต้องสามารถบินต่อไป Sapporo ได้ด้วยนะ

ซึ่งตอนแรกเราก็ปวดหัวมากกับการไป Sapporo ว่าจะเอายังไงดี
เพราะมีสายการบิน Low cost ของญี่ปุ่น เช่น Jetstar, Vanilla Air

หรือจะบิน Full Service อย่าง ANA, JAL ก็ได้ (ถ้าเงินเหลือเฟือ)

*****คำเตือน : ควรจะหาตั๋วเครื่องบินภายในประเทศโดยเร็ว (อย่างน้อย 6 เดือนก่อนไป)
เพราะช่วงนั้น คนญี่ปุ่นก็ไปเยอะ เป็นช่วงเทศกาล ยิ่งจองเร็วเท่าไร หรือมีโปรจองข้ามชาติมาเมื่อไร

รีบจัดไปก่อนเลย เพราะไม่งั้นชีวิตจะแย่มาก เพราะจะหมดเงินไปอย่างมากกับค่าเครื่องบิน

แต่เป็นโชคดีของเรา ที่ช่วงนั้น H.I.S. มีการจัดโปรพอดี (อันนี้บอกต่อเพราะมันดี ไม่ได้ตังค์ค่าโฆษณาซักบาท)

เป็นโปรของสายการบิน ANA บินในประเทศพร้อมที่พัก ในราคาพิเศษ

ไปเมืองไหนก็ได้ไม่ได้จำกัดเฉพาะ Sapporo และถ้าเราบินไปลง Tokyo ก็สามารถเลือกต่อเครื่องในประเทศ

จากสนามบิน Narita หรือ Haneda ก็ได้ ซึ่งอันนี้ถือว่าตอบโจทย์มาก

เพราะเราจะแวะเที่ยวในโตเกียวก่อน 1 วัน แล้วค่อยต่อไป Sapporo

การบินจากสนามบิน Haneda ก็สะดวกสบายเพราะอยู่ในเมือง และไม่เปลืองค่ารถไฟด้วย

สรุปก็คือ เราได้ตั๋วเครื่องบินในประเทศ 2 ขา

ขาไป :  Haneda – Sapporo (ไฟลท์ประมาณ 9 โมงเช้า ไปถึงปุ๊บ เที่ยวได้เลย)

ขากลับ : Hakodate – Haneda (ไฟลท์บ่ายสอง มาถึง Tokyo เย็นๆ เดินเที่ยวได้อีกหน่อย)

+ ที่พัก 1 คืนที่ Hakodate

ทั้งหมดนี้ ในราคา 5 พันนิดๆ ต่อคนเท่านั้น

ใครสนใจลองเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซท์  http://th.hisgo.com

สรุปรวมค่าตั๋วเครื่องบินในทริปนี้ (AirAsia X ไป-กลับ รวมค่าโหลดกระเป๋า ค่าอาหาร ค่าที่นั่ง + ANA +

ที่พัก 1 คืน) ในราคารวมประมาณ 18,000 บาท ต่อคน ได้เที่ยว Tokyo ด้วย 2 วัน ราคานี้ถือว่าคุ้มนะ

ส่วนคำถามที่ 2 ที่ว่า แล้วจะจองตั๋วเมื่อไรดีล่ะ? คำตอบคือ เร็วเท่าไรยิ่งดี

เพราะยิ่งจองตั๋วไปญี่ปุ่นได้เร็ว จะได้รีบจองตั๋วในประเทศได้เร็วขึ้น (จะได้เจอแต่ตั๋วราคาดีๆ ไง)

แต่ปัญหานี้จะหมดไปในไม่ช้า เพราะปีนี้ จะมีการเปิดใช้ชินคังเซ็น นั่งตรงจาก Tokyo ไป Sapporo

ได้อย่างรวดเร็ว แถมยังใช้ JR Pass บัตรเบ่งได้ด้วย ดังนั้น ถ้าใครจะไปฮอกไกโดด้วยรถไฟ

อันนี้แหละ เรื่องหลัก และมีผลต่องบประมาณในการท่องเที่ยวมากที่สุด

ขอเตือนจากความผิดพลาดของตัวเองก่อนเลยนะ กาดอกจันทร์หลายๆ ดอกเลย

ถ้ามีแผนจะไปปุ๊บ หาที่พักเลยนะ ขอร้อง อย่าประวิงเวลา อย่ารอคนโน้นคนนี้ ไม่ต้องรอหาตั๋วเครื่องบินด้วย

คือถ้ามีคนที่จะไปแน่นอน นับจำนวนคนและหาที่พักเลย

เพราะไม่งั้น ที่พักที่ถูก ดี ใกล้สถานีรถไฟ มันจะเต็ม!

ไอ้ที่พักที่มันไม่เต็ม มีอยู่ 2 อย่าง คือ 1) แพงมาก  2)ไกลจากสถานีรถไฟ

ดังนั้น ถ้าจะไป จองเลย เพราะที่พักญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ไม่เก็บค่าที่พักก่อน และสามารถยกเลิกได้
(มีกำหนดวันที่สามารถยกเลิกได้โดยไม่เสียเงิน)
หรือถ้าไม่ได้จองโดยตรงกับเว็บโรงแรม การจองผ่าน Booking หรือ Agoda ก็หาโรงแรมและอ่านเงื่อนไขดีๆ
หาอันที่ไม่ต้องจ่ายตังค์ และสามารถยกเลิกได้โดยไม่เสียเงิน

เพราะสุดท้าย ถ้าเกิดเปลี่ยนแพลน หรือหาตั๋วเครื่องบินไม่ได้ หรือจะไปประเทศอื่นแทน
ก็ยังสามารถมายกเลิกที่พักได้ โดยไม่ต้องเสียเงิน

แต่ถ้าไม่ได้หาแต่แรก มัวอ้อยอิ่ง (แบบเรา) สุดท้าย ก็จะได้ที่พักที่แพง (ถึงมันจะดีก็เถอะ) ทั้งที่ของถูกและดีก็มี

ติดตรงที่เรามาช้าไป…

ทั้งหมดนี้ก็เป็นคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากไปเที่ยว Snow Festival (หรือไปเที่ยวญี่ปุ่นเมืองไหนก็ได้ โดยเฉพาะในหน้าเทศกาล หน้าซากุระหรือใบไม้แดง ที่คนไปเยอะๆ) หรือมือใหม่ที่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง หวังว่าจะได้ไอเดียจากบทความนี้ไปบ้างนะครับ

แล้วอย่าลืมรอติดตามรายงานสด Hokkaido Snow Trip ครั้งนี้ได้ จากหน้าเพจ PORSUKE นะครับ 🙂