[Fukushima Diary] Day 1 : From BKK to Fukushima

day1 cover

เรารักการเดินทาง

โดยเฉพาะการเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ได้เห็นบ้านเมืองที่สวยงามและแตกต่างจากบ้านเรา ถึงแม้บางประเทศจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงไปบ้าง แต่ก็พยายามวางแผนการเดินทาง และคอยติดตามโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินจากเพจต่างๆ เพื่อให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากที่สุด (แต่เรื่องช็อปปิ้งค่อยว่ากัน อิอิ)

แล้วถ้าถามว่าประเทศไหนที่เราชอบมากที่สุด…

คำตอบก็คือ “ญี่ปุ่น”

ประเทศขวัญใจของคนไทยแทบจะทั้งประเทศ
เป็นประเทศที่ไปกี่ครั้ง ก็ไม่เคยเบื่อ และมีที่ให้ไปได้ไม่ซ้ำเรื่อยๆ จนช่วงหลังเวลาเราไปญี่ปุ่นทีไร มักจะมีคำถามจากคนใกล้ตัวมาบ่อยๆ ว่า “ไม่เบื่อบ้างเหรอ?”

ไม่เบื่อสิ จะเบื่อได้ไง ยังไปเที่ยวไม่ทั่วเลย เพราะแต่ละรอบที่ไป ก็จะจบที่ Tokyo, Osaka, Nagoya, Fukuoka หรือไม่ก็ Hokkaido

แต่ยังไม่เคยไปเที่ยวแถบ Tohoku เลยสักครั้ง…

ไม่ใช่ว่าไม่อยากไป แต่จังหวะเวลาที่ได้ไปในแต่ละครั้ง มันมีที่อื่นที่อยากไปมากกว่า ทำให้ทริป Tohoku ของเราเลยไม่เกิดขึ้นสักที โชคดีที่ครั้งนี้ได้รับโอกาสจากการท่องเที่ยวของจังหวัด Fukushima ให้เกียรติเชิญ Blogger ชื่อ (ไม่) ดังอย่างเรา ให้ไปท่องเที่ยวใน Fukushima เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อจะได้นำประสบการณ์การท่องเที่ยวใน Fukushima มาเล่าให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน เพราะคงมีหลายๆ คนที่อาจจะเริ่มเบื่อๆ และหาที่เที่ยวใหม่ๆ ในญี่ปุ่นดูบ้าง ก็ลองมาดูกันว่าจังหวัด Fukushima มีอะไรน่าสนใจบ้าง

ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาเลย!

 

jpcolorWeb

credit : Map Courtesy of WORLD ATLAS.Com

Fukushima อยู่ตรงไหน?

Fukushima เป็นจังหวัดหนึ่งในภูมิภาค Tohoku ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น คลอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคมากกว่า 150 กม. ลึกเข้าไปในภูเขาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชู

DSC06093

การเดินทาง

จาก Tokyo สามารถเดินทางไปจังหวัด Fukushima ด้วยรถไฟ Shinkansen ใช้เวลาเพียง 1 ชม.ครึ่ง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถซื้อ JR Pass หรือ JR East Pass (Tohoku Area) เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการนั่งรถไฟ Shinkansen และรถไฟของบริษัท JR ได้ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ ทางการท่องเที่ยวจังหวัด Fukushima ได้ให้ JR East Pass (Tohoku Area) แบบ Flexible สำหรับใช้ 5 วันมาด้วย ทำให้ประหยัดค่าเดินทางได้เยอะเชียวแหละ

DSC06053

JR Pass หรือ JR East Pass (Tohoku Area) ต้องซื้อจากประเทศไทยก่อนเดินทาง แล้วค่อยไปแลกเป็น JR Pass ตัวจริงเมื่อไปถึงประเทศญี่ปุ่น ครั้งนี้เราขึ้นเครื่องไปลงที่สนามบิน Narita ซึ่งจุดแลก JR Pass จะอยู่ที่ชั้น B1 (JR EAST Travel Service Center) อยู่ตรงข้ามกับสถานี Narita Express โดยใช้หลักฐานการซื้อที่ได้จากประเทศไทย, Passport ของเรา และแจ้งวันที่จะเริ่มใช้ Pass ให้เจ้าหน้าที่ทราบ

 

JR East

ลงจากชั้น B1 มองไปทางด้านซ้ายจะเจอ JR East Office สามารถแลก JR Pass ได้ที่นี่

NEX

ตรงข้ามกับ JR East คือทางเข้าสถานี Narita Express (NEX)
สามารถต่อ NEX เข้าไปที่สถานี Tokyo เพื่อต่อ Shinkansen ไปที่ Fukushima ได้เลย
(NEX สามารถใช้ JR Pass ได้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม)

สำหรับ JR East Pass (Tohoku Area) แบบ Flexible 5 days จะต่างกับ JR Pass แบบปกติตรงที่จะต้องให้เจ้าหน้าที่แสตมป์ที่ตัว Pass ทุกวันที่เราจะใช้ (สามารถใช้ได้ 5 วัน ไม่ต้องต่อเนื่องกันก็ได้ แต่ต้องใช้ให้หมดภายใน 2 สัปดาห์หลังจากเริ่มใช้งานวันแรก)

พักเมืองไหนดี?

ปัญหาของเราตอนจัดโปรแกรมเที่ยว ก็คือการเลือกที่พักนี่แหละ เนื่องจากสถานที่เที่ยวของ Fukushima อยู่กระจายไปหลายที่ การเลือกที่พักก็คงต้องดูตามแพลนของแต่ละคนเป็นหลัก สำหรับเราแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ไปจะอยู่ใกล้เมือง Fukushima และ Aizu-Wakamatsu เราจึงเลือก 2 เมืองนี้เป็นที่พัก ที่ละ 3 คืน แต่นอกจาก 2 เมืองนี้แล้ว อีกเมืองที่คนนิยมไปพักก็คือ Koriyama ซึ่งโดยส่วนตัว หลังจากได้ไปเที่ยวทั้งสามเมือง คิดว่าถ้าได้ไปอีกคงจะเลือกพักที่ Koriyama เพราะเป็นจุดศูนย์กลางของรถไฟหลายสาย รวมถึง Shinkansen ทำให้เดินทางสะดวก และรอบๆ สถานี รวมถึงในตัวเมือง Koriyama ก็มีห้าง ร้านค้า และร้านอาหารมากมายให้ได้เที่ยว ชิม ช็อป ดูจะคึกคักกว่าเมืองหลักอย่าง Fukushima และไม่เงียบเหงาเหมือน Aizu-Wakamatsu

สำหรับที่พักที่เราพักทั้ง 2 ที่ ก็คือ APA Hotel Fukushima Ekimae และ Toyoko inn Aizu-Wakamatsu Ekimae

DSC05960

APA Hotel Fukushima Ekimae

เรียกได้ว่าเป็นโรงแรมยอดนิยมของ Blogger ก็ว่าได้ เพราะอยู่ใกล้สถานี Fukushima มากๆ ราคาก็ไม่แพง ห้องพักดีตามมาตรฐาน Business Hotel และที่สำคัญมี onsen ให้แช่ฟรีด้วย ถ้าจะมีข้อเสียคงมีเพียงอย่างเดียวก็คือ บริเวณรอบๆ โรงแรมเงียบมาก เพราะพวกห้างร้านต่างๆ จะไปอยู่ทางฝั่ง East ของสถานีมากกว่า (ราคาที่พักประมาณ 1,500 – 2,000 บาท / ห้อง / คืน)

DSC06091

นั่ง Shinkansen ถึงสถานี Fukushima แล้ว ให้ออกทาง West Exit

DSC06092

จากรูปนี้ ออกทางออกฝั่งขวา พอเดินออกไปจะเจอลิฟท์ และบันไดให้เดินลง (ไม่มีบันไดเลื่อนลง)
ถ้ามีสัมภาระ ลงลิฟท์ไปเลยจ้า

DSC05962

ออกจากลิฟท์มาปุ๊บ มองย้อนกลับไปทางด้านหลังลิฟท์ จะเจอโรงแรมตึกสีดำ ประตูสีส้ม
นั่นแหละ APA Hotel Fukushima Ekimae

DSC05963

ใกล้โรงแรมมี Supermarket หิวช่วงดึกๆ ก็เดินแวะมาช็อปได้

DSC06082

บริเวณ Lobby ของโรงแรม
เวลา check in ทำรายการผ่านจอคอมพิวเตอร์ได้เลย สะดวกมาก

DSC05959

CAFETORA ร้านอาหารภายในโรงแรม (ที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม) มีทั้งมื้อเช้า กลางวันและเย็น

DSC05955

ห้องพักขนาด (เล็ก) ตามมาตรฐาน แต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ที่นอนนุ่ม หลับสบายมาก

DSC05958

DSC05957

onsen 1

บริเวณชั้น 2 ของโรงแรม จะเป็นทางเข้า Grand Spa ซึ่งให้บริการเฉพาะแขกที่เข้าพักเท่านั้น
ตัว onsen จะอยู่ที่ชั้น 1 ต้องเดินลงบันไดไป

onsen 2

ลงบันไดมาจะเจอห้องโถงนี้ ด้านขวาจะมีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ
เตาไมโครเวฟ มีตู้กดน้ำ ส่วน onsen แยกชาย – หญิง มีป้ายบอกชัดเจน

onsen 3

ใช้ keycard ของห้องพักเพื่อเปิดประตูเข้าไปใน onsen

onsen 4

เข้าไปด้านในจะมี Locker ให้ใส่ของและแต่งตัวถอดเสื้อผ้ากันตรงนี้
หลังจากนี้ก็เข้าไปแช่น้ำกันได้สบายๆ (ไม่มีรูปใน onsen ให้ดูนะ 555)

toyokoinn

Toyoko inn Aizu-Wakamatsu Ekimae

อีกโรงแรมที่เราได้เข้าพักคือ Toyoko inn Aizu-Wakamatsu Ekimae เรียกได้ว่าออกจากสถานี Aizu-Wakamatsu ก็เห็นโรงแรมอยู่ตรงหน้าแล้ว เดินทางสะดวกมากๆ ราคาก็ไม่แพง ห้องพักก็ตามมาตรฐานของ Toyoko inn มีอาหารเช้าฟรี ยิ่งถ้าใครเป็นสมาชิกอยู่แล้ว จะได้สิทธิลดราคาพิเศษและสามารถจองที่พักล่วงหน้าได้ถึง 6 เดือน จึงเป็นโรงแรมที่เรามักจะเลือกเป็นอันดับต้นๆ เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น (ราคาที่พักประมาณ 1,500 – 1,800 บาท/ ห้อง / คืน)

DSC06641

บริเวณด้านหน้าโรงแรม ใครเช่ารถที่นี่ก็มีบริการที่จอดรถให้ด้วย

DSC06634

DSC06635

ห้องพักมาตรฐานตามสไตล์ Toyoko inn ใต้เตียงสามารถใส่กระเป๋าเดินทางได้ ทำให้มีพื้นที่กว้างขึ้น

DSC06636

 

6010_CM_R1Sup200_015

จัดแผนการท่องเที่ยวยังไงดี?

เนื่องจากครั้งนี้เราไปเที่ยวในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดี จึงขอแนะนำเกี่ยวกับการมาชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ Fukushima คร่าวๆ แล้วกัน

สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการมาชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ Fukushima สามารถเริ่มชมได้ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นกับสถานที่ที่เราจะไปชมด้วย ว่าจะไปชมที่ไหน ด้วยพื้นที่ของจังหวัดที่กว้าง และมีภูมิประเทศหลากหลาย ทำให้การเปลี่ยนสีของใบไม้ในแต่ละจุดจะไม่พร้อมกัน

ช่วงปลายเดือนกันยาถึงกลางเดือนตุลาคม : Azuma Bandai Skyline (Jododaira), Mount Adatara
บริเวณที่สูงบนภูเขา จะเริ่มเปลี่ยนสีก่อนจุดอื่นๆ ช่วงพีคน่าจะประมาณสัปดาห์ที่ 1 – 2 ของเดือนตุลาคม

ช่วงกลางเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน : เป็นช่วงเวลาที่สามารถชมได้หลายที่ แต่ถ้าเป็นที่ที่มีใบแปะก๊วย อาจจะช้ากว่าที่อื่นๆ
– กลางถึงปลายเดือนตุลาคม : Bandai Azuma Lakeline (Goshikinuma, Nakatsugawa Gorge), Bandaisan Gold Line, Aizu-Miyashita)
– ปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน : เมือง Aizu-Wakamatsu (Ouchi-juku, Tono Hetsuri, Tsuruga Castle)

สำหรับแผนการเดินทางของเรา เนื่องจากเราไปช่วงวันที่ 20-27 ตุลาคม ซึ่งแม้จะเลยช่วงพีคของ Azuma Bandai Skyline ไปแล้ว แต่ก็ยังเก็บไว้ในแพลน จึงเลือกที่จะเที่ยวในตอนบนของจังหวัด Fukushima ก่อน แล้วค่อยไล่ลงมาเที่ยวในแถบ Aizu-Wakamatsu ตามแผนดังนี้

21/10/2017 – เดินทางถึง Fukushima
22/10/2017 – Mount Adatara (ขึ้น Adatara Ropeway)
23/10/2017 – เที่ยวในเมือง Koriyama
24/10/2017 – Azuma Bandai Skyline / Lake Line / Gold Line ไปพักที่ Aizu-Wakamaysu
25/10/2017 – Ouchi Juku / Tono Hetsuri / Tsuruga Castle
26/10/2017 – Goshikinuma / Inawashiro Lake
27/10/2017 – ชมวิวรถไฟ Tadami Line ที่ Aizu-Miyashita

สำหรับรายละเอียดการเดินทางในแต่ละวัน สามารถติดตามได้ในวันต่อๆ ไปนะครับ จะทยอยรีวิวให้ได้อ่านกันอย่างละเอียดอีกที สำหรับแพลนที่ทำให้ดูเป็นตัวอย่างนี้ ถ้าใครจะลอกไปก็ไม่ว่ากัน แต่อยากให้เช็คเรื่องดินฟ้าอากาศ และเวลาเปิดปิดของแต่ละสถานที่ก่อนไปด้วยนะ จะได้ไม่เสียเที่ยว

 

พาทัวร์สถานี JR Fukushima

DSC05965

ทางฝั่ง West บริเวณชั้นล่างจะเป็นร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ เรียกได้ว่าไม่ต้องกลัวอด

DSC05967

มีร้านทงคัตสึชื่อดังอย่าง “Saboten” ให้ได้นั่งทานในร้าน หรือจะสั่งกลับไปกินที่โรงแรมก็ได้

DSC05964

ขึ้นมาชั้น 2 ตรงข้ามกับทางเข้าสถานี JR จะมี minimart / ร้านอาหาร และ Tourist Information Center

ส่วนทางฝั่ง East ของสถานี จะติดกับห้าง S-PAL ซึ่งรายละเอียดจะรีวิวให้ได้อ่านกันอีกทีในกระทู้ต่อไปนะครับ

สำหรับใครที่อยากติดตามการเดินทางทริปอื่นๆ ของเรา
หรืออัพเดทกระทู้ใหม่ๆ ก่อนใคร
ฝากติดตามใน Facebook Fanpage : ThirtyWander ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/thirtywander

หรือจะติดตามชมรูปสวยๆ ได้ที่ Instagram : porsuke13