[Fukushima Diary] Day 4 : ขับรถขึ้นบันได (Mount. Bandai) ใน 1 วัน
ต้อนรับเช้าวันใหม่ด้วยฟ้าหลังฝนที่สดใส
อากาศเย็นขึ้นกว่าเมื่อวานเล็กหน่อย แต่ที่ดีที่สุด คือ ไม่มีฝนตก
วันนี้เราแพลนจะขับรถไปเที่ยวภูเขา Bandai กัน
สำหรับเส้นทางในการขับรถ มี 3 เส้นทางยอดนิยม ได้แก่
- Bandai Azuma Skyline – เป็นเส้นทางที่คนนิยมมาชมใบไม้เปลี่ยนสีกันมากที่สุด ร่ำลือว่าถนนเส้นนี้สวยมากไม่ว่าจะมาในฤดูไหนก็ตาม ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาชมใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ คือ ช่วงปลายเดือน ก.ย. – ต้นเดือน ต.ค.
- Bandai Azuma Lakeline – เป็นเส้นทางที่อยู่ต่ำลงมากว่า Skyline ขับผ่าน Lake ต่างๆ เช่น Akimoto Lake, Hibara Lake และมีจุดท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง Goshikinuma หรือบึงน้ำ 5 สี
- Bandaisan Gold Line – อยู่ต่อมาจากเส้น Lakeline มีเส้นทางเดินป่ายอดนิยม คือ Happodai ซึ่งมีความสวยงามในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และมีน้ำตก Baya-ike ให้ได้แวะชมความสวยงามกันด้วย
แผนการเดินทางของเราที่คิดไว้ คือ เริ่มต้นที่สถานี Fukushima ขับรถไปตามเส้นทาง Bandai Azuma Skyline จนถึง Jododaira จากนั้นขับเข้า Lakeline แวะ Nakatsugawa และ Hibara Lake (ไม่ได้แวะ Goshikinuma) ไปต่อที่ Bandaisan Gold Line* (ถ้ามีเวลาเหลือ) และคืนรถที่ Aizu-Wakamatsu
สำหรับคนที่วางแผนจะขับรถวันเดียว แนะนำให้จัดแบบเราได้เลย เพราะเวลาเดินทางจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา เนื่องจาก Bandai Azuma Skyline จะอยู่ใกล้กับ Fukushima ไปจบตรง Gold Line ซึ่งห่างจาก Aizu-Wakamatsu ประมาณ 20 ก.ม. ทำให้ไม่ต้องเดินทางย้อนกลับมาที่ Fukushima ซึ่งถ้าวางแผนแบบเราก็ต้องแวะไปนอนค้างที่ Aizu-Wakamatsu ด้วยนะ หากจะไปเช้าเย็นกลับที่ Fukushima ก็อาจจะต้องวางแผนการเดินทางและเวลาให้ดี เพราะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีประมาณ 5 โมงเย็นก็มืดแล้ว
หรือหากใครไม่อยากเปลี่ยนที่พักบ่อยๆ การตั้งต้นและจบทริปที่ Koriyama ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี เพราะเป็นเมืองที่อยู่กลางๆ ระหว่างสองเมืองข้างต้น การเดินทางไปทั้ง Skyline และ Lakeline ก็สะดวกทั้งคู่
แต่ถ้าจะให้ดี อยากให้แบ่งเป็น 2 วันมากกว่า วันนึงไป Skyline ส่วนอีกวันไป Lakeline + Gold Line จะได้มีเวลาเที่ยวแต่ละจุดได้อย่างเต็มที่ เพราะนอกจากจุดหมายที่เราแพลนไปแล้ว ระหว่างทางก็สวยงามมากเช่นกัน ได้แวะข้างทางถ่ายรูปกันตลอดทางแน่นอน
ลองดูซิว่าแผนที่วางไว้กับความเป็นจริงที่เจอ…จะเป็นยังไง?
สำหรับการเช่ารถขับที่ Fukushima บริเวณรอบสถานี Fukushima มีบริษัทให้เช่ารถหลายบริษัท ครั้งนี้เราเลือกใช้บริการของ Nippon Rent-A-Car เนื่องจากเปรียบเทียบราคาแล้ว ในช่วงที่เราจองเจ้านี้ราคาดีสุด และมารับรถสะดวกเพราะอยู่ทางฝั่ง East Exit ของสถานี Fukushima เดินมาแปบเดียวก็เจอเลย
รถที่เราเลือกเช่า คือ Honda Jazz ราคาค่าเช่า + ค่าประกันรถ (ยังไม่รวมค่าน้ำมัน) = 9,720 เยน / 12 ชม. (หากจองล่วงหน้า / รับและคืนรถที่สาขาเดียวกันราคาจะถูกลงกว่านี้ ) ค่าน้ำมัน (ที่ต้องเติมให้เต็มถังก่อนคืนรถ) ประมาณ 1,100 เยน รวมแล้วก็ตกประมาณ 3000 บาทต่อวัน ถ้ามากันสัก 3-4 คน เช่ารถขับแบบนี้ราคาถูกและสะดวกกว่าเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวใน Fukushima ครับ
ก่อนนำรถออก เจ้าหน้าที่ก็จะแนะนำเรื่องการใช้รถ การใช้ GPS และกฎจราจรในญี่ปุ่นให้เราฟังคร่าวๆ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เราได้มาขับรถเที่ยวในญี่ปุ่นด้วยตัวเอง เลยอยากจะมาแนะนำเกี่ยวกับการขับรถในประเทศญี่ปุ่นให้ได้อ่านกันคร่าวๆ
- ประเทศญี่ปุ่น พวงมาลัยอยู่ฝั่งขวาเหมือนประเทศไทย การขับรถ / การเลี้ยว กฎจราจรส่วนใหญ่คล้ายๆ บ้านเรา
- แต่ต้องระวังเรื่องการใช้ความเร็วในการขับขี่ ควรสังเกตป้ายจำกัดความเร็ว ซึ่งจะมีให้เห็นอยู่เป็นระยะ “ควรขับความเร็วไม่เกินที่ป้ายกำหนด” เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาครับ ซึ่งความเร็วบางทีก็ต่ำมากจนขับแล้วอาจจะรู้สึกอึดอัดไปบ้าง (ส่วนใหญ่ไม่เกิน 50 กม./ชม.) แต่ก็ปลอดภัยดี เพราะที่ญี่ปุ่นมีแยกและไฟแดงเยอะ เพื่อนเราเคยขับเร็วเกิน เจอรถตำรวจขับตามมาแล้วก็มี ถ้าไม่อยากเสียเวลาเที่ยวเพราะต้องไปสถานีตำรวจ ขับตามกฎไว้ก่อนดีที่สุด
- เวลาเลี้ยวซ้าย “ต้องรอสัญญาณไฟทุกครั้ง” และหากเลี้ยวไปแล้วมีคนกำลังจะเดินข้ามถนน ต้องหยุดให้คนเดินข้ามไปก่อน
- เวลาเลี้ยวขวา บางแยกไม่มีสัญญาณไฟเลี้ยวขวา ดังนั้น หากไฟเชียวแล้ว ให้รอจังหวะเลี้ยวได้เลย แต่ต้องให้รถที่ขับทางตรงไปก่อนเสมอ และหากเลี้ยวไปเจอคนข้ามถนน ก็ต้องหยุดให้คนข้ามไปก่อนเช่นกัน
- ห้ามแซงระยะประชิด และไม่ควรแซงซ้าย
- หากขับช้า ควรขับเลนซ้ายเสมอ
- จอดในที่ที่เขาให้จอดรถเท่านั้น อย่าจอดข้างทางสุ่มสี่สุ่มห้า และให้คอยสังเกตด้วยว่าที่จอดนั้นต้องเสียเงินค่าจอดด้วยหรือไม่ (ส่วนใหญ่สถานที่ท่องเที่ยวใน ตจว. จะมีที่จอดรถให้ฟรี)
- เวลาขึ้นทางด่วน หากไม่ได้ใช้ ETC card (คล้ายๆ Easy pass บ้านเรา) ให้เข้าช่องปกติ และรับบัตรขึ้นทางด่วนมาก่อน และจ่ายเงินที่ปลายทางตอนออกจากทางด่วน (บนทางด่วนขับได้เร็วไม่เกิน 80 กม./ชม.)
ส่วนเรื่องการใช้ GPS เราสามารถกรอกได้ทั้งเบอร์โทรศัพท์ของจุดหมายปลายทาง (ถ้ามี) หรือจะใช้ mapcode ก็ได้ ซึ่งบริษัทเช่ารถส่วนใหญ่จะมี mapcode แจกให้ ตามรูปนี้
ถ้าพร้อมแล้ว ก็ออกเดินทางกันได้เลย!
จุดหมายแรกของเรา คือ Jododaira (mapcode : 475181060*30) ซึ่งเป็น Hilight ของ Bandai Azuma Skyline ทางที่ขับไปช่วงแรกเป็นถนน 4 เลน ขับได้สบายๆ ขับไปประมาณ 20 ก.ม. จะเจอจุดแวะพักข้างทาง มี minimart, ร้านค้า และห้องน้ำให้แวะพักก่อนขึ้นเขา
แค่วิวรอบๆ จุดพักรถก็สวยแล้ว
มื้อเช้าของเรา
ทางขับขึ้นเขาจะเหลือ 2 – 3 เลน ยิ่งสูงก็เจอใบไม้เปลี่ยนสีเพิ่มขึ้น
แต่ก็มีต้นไม้บางส่วนที่ใบร่วงไปหมดแล้ว
มีนักท่องเที่ยวจอดรถถ่ายภาพข้างทางเป็นระยะ ถ้าไม่ขับรถมาก็น่าเสียดาย
วิวข้างทางของถนนเส้น Bandai Azuma Skyline
เราขับรถมาจนถึงประมาณ 20 ก.ม. สุดท้ายก่อนจะถึง Jododaira ก็เจอรถติดอยู่ 5-6 คัน มีเจ้าหน้าที่เดินมาแจ้งว่าวันนี้ไม่สามารถขับขึ้นไป Jododaira ได้ เนื่องจากมีหิมะตกตั้งแต่เมื่อคืนขวางถนนไว้ T_T ตอนนั้นคืออึ้งๆ ไปแปบนึงเพราะต้องเปลี่ยนแผนกระทันหัน แล้วก็ผิดหวังด้วยที่ไม่ได้ไป Jododaira เพราะตั้งใจจะไป trekking แต่ในเมื่อไปต่อไม่ได้ ก็เปลี่ยนแพลนไปจุดหมายต่อไปทันที
Bandai Azuma Lakeline
จุดหมายแรกของเราใน Lakeline คือ Nakatsugawa George (mapcode : 937003541*44) ระหว่างทางจาก Skyline มา Lakeline จะผ่านจุดชมวิวข้างทางจุดแรกที่ “Lake Akimoto”
จุดชมวิว Lake Akimoto
ลานจอดรถและร้านค้าที่ Nakatsugawa George
Mapcode จะไปสิ้นสุดที่สะพาน ซึ่งเป็นจุดชมวิวของ Nakatsugawa George แต่ก่อนจะถึงมีทางแยกขึ้นเนินทางด้านขวา จะเป็นลานจอดรถขนาดใหญ่ (จอดฟรี) และมีร้านอาหาร ร้านค้า เพื่อเตรียมตัวก่อนเดินไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ Nakatsugawa George
ทางเดินจากจุดจอดรถ จะเป็นทางดิน มีท่อนไม้วางทำเป็นขั้นบันได เนื่องจากเมื่อคืนฝนเพิ่งตก มันก็จะแฉะพอสมควร เวลาเดินอาจจะต้องระมัดระวัง แต่เห็นคุณลุงคุณป้าชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่หวั่น เดินลงกันเพียบเลย
ระหว่างทางเดินลงเต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี สวยงามมาก
ใช้เวลาเดินลงมาประมาณ 10 นาที ก็ถึงที่หมายของเรา
(ทางเดินช่วงสุดท้ายค่อนข้างชัน ถ้าพกไม้เท้าไปด้วยก็จะดีมาก)
Nakatsugawa George
จะเหนื่อยหน่อยก็ตอนขากลับ ที่ต้องเดินขึ้นเนี่ยแหละ
แต่ระหว่างทางก็ยังมีใบไม้สวยๆ ให้ชม
เดินขึ้นมาด้านบน เพื่อมาชมวิวจากสะพาน
วิวจากด้านบน มองลงไปเห็นลำธารด้านล่างพร้อมใบไม้เปลี่ยนสีที่ริมลำธาร สวยงามมากจริงๆ
เดินชมวิว ถ่ายรูป Nakatsugawa George แล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกันต่อ โดยที่จุดหมายต่อไปของเราก็คือ Lake Hibara แต่เราไม่ได้รีบร้อนที่จะไปถึงจุดนั้นมากนัก เพราะระหว่างทาง มีจุดชมวิวที่สวยงามให้ได้จอดแวะอยู่เรื่อยๆ และมีร้านกาแฟ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Lake Hibara (mapcode : 413532866*06) ที่เราแพลนจะแวะด้วย
ตรงไหนมีรถจอด ก็แวะได้เลย นี่แหละความสะดวกของการเช่ารถขับ
จุดชมวิวข้างทางสวยๆ
จุดชมวิวนี้เรียกว่า “Sanko Paradise” สวยเหมือนสวรรค์เลยใช่ไหมล่ะ
ระหว่างทางไป Lake Hibara เราได้แวะไปหากาแฟดื่มตอนบ่ายที่ร้าน MOTO Cofee (พิกัดตาม Google Map : https://goo.gl/maps/fpd8KxXUhUK2) ซึ่งร้านนี้ก็เป็นอีก 1 ร้านกาแฟใน Fukushima ที่ไม่ควรพลาด
ร้านเป็นบ้านไม้ มีสองชั้น น่ารักมาก
เข้ามาด้านในจะเจอเคาน์เตอร์ สามารถสั่งกาแฟได้ตรงนี้
ภายในร้านตกแต่งด้วยไม้ และสีฟ้า ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย
มีที่นั่งริมหน้าต่างบานใหญ่สำหรับรอกาแฟ หรือนั่งพัก
เดินขึ้นมาชั้นสอง จะเจอที่นั่งริมหน้าต่างบานใหญ่ มองเห็นวิวสวยๆ ด้านนอก
ชีสเค้กอร่อยมาก ถ้ามาแล้วต้องสั่ง
คุณ Osanai Motoki และ ภรรยา
เจ้าของร้าน MOTO Coffee ที่คอยแนะนำกาแฟและขนมอร่อยๆ
หลังได้คาเฟอีนจนตาสว่าง (มานิดนึง) ก็ขับรถไปกันต่อที่ Lake Hibara (mapcode : 413532866*06) บริเวณนี้มีใบไม้เปลี่ยนสีให้ชมบ้าง แต่วิวทะเลสาบแบบ Panorama ที่สวยงามและเงียบสงบ ทำให้เรานั่งชมวิวและรับลมหนาวอยู่ที่นี่ได้พักใหญ่
หากใครมีเวลาถ้าอยากจะนั่งเรือล่องในทะเลสาบก็มีให้บริการ
เดินข้ามถนนมาที่ฝั่งตรงข้ามกับ Lake Hibara พอมีใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้ชมบ้าง และจากบริเวณนี้ จะมีเส้นทางเดินสำรวจ Lake ต่างๆ ซึ่งสามารถทะลุไปยังบึงน้ำ 5 สี (Goshikinuma Lake) ได้ แต่เราจะมาสำรวจเส้นทางเดินนี้ในวันต่อไป (รอตามรีวิวกันได้อีกทีครับ) ดังนั้นถึงไม่มีรถส่วนตัวมาที่ Lake Hibara ก็สามารถนั่งรถบัสมาลงได้ครับ (ใช้รถบัสสายเดียวกับที่ไป Goshikinuma แต่มีเฉพาะบางรอบที่รถจะขับเลยมาถึงที่ Lake Hibara)
ขับรถต่อไปที่จุดสุดท้ายของวันนี้ นั่นก็คือ Bandaisan Gold Line (mapcode : 413319806*03) น่าเสียดายที่เรามาถึงจุดนี้ช่วงเย็นแล้ว ทำให้มีเวลาในการเดินชมแต่ละจุดไม่มากนัก และบางจุดใบไม้เปลี่ยนสีก็เลยพีคมาแล้ว ถ้าเป็นไปได้ แยก Bandaisan Gold Line กับ Lake line มาอีกวันนึงเลย น่าจะดีกว่าครับ จะได้ไม่ต้องรีบร้อนเที่ยวกันจนเกินไป
จุดแรกของ Gold Line คือ Happoudai ซึ่งเต็มไปด้วยใบไม้สีเหลือง สมกับชื่อ Gold Line
น่าเสียดายช่วงที่มาเลยพีคมาแล้ว ใบไม้ร่วงไปเยอะเลย
ถ้ามีเวลาสามารถเดินเข้าไปสำรวจด้านในได้
ระหว่างทางมีวิวสวยๆ ให้แวะจอดถ่ายรูปได้เรื่อยๆ
จาก Bandaisan Gold Line ก็ถึงเวลาต้องขับรถกลับไปที่ Aizu-wakamatsu (ระยะทางประมาณ 20 ก.ม.) เพื่อคืนรถให้ทันตามเวลาและพักที่ Aizu-wakamatsu ต่ออีก 3 คืน สำหรับการขับรถในเส้นทางนี้ สามารถขับได้ไม่ยากครับ ถึงแม้เส้นทางลัดเลาะตามเขาส่วนใหญ่จะเป็นถนน 2 เลน แต่ที่ญี่ปุ่นก็ขับรถไม่เร็ว ถนนดี ไม่ชัน ไม่มีเลี้ยวหักศอกเหมือนขับขึ้นเขาแบบบ้านเรา เพียงแค่ศึกษากฎจราจรให้ดี ขับรถความเร็วไม่เกินตามที่กำหนด (จะมีป้ายกำหนดความเร็วเตือนให้เห็นเป็นระยะ) เพียงเท่านี้ก็สามารถขับรถเที่ยวได้อย่างปลอดภัย สะดวก และสามารถควบคุมเวลาได้ง่ายกว่าไปรถสาธารณะ หวังว่ารีวิวนี้คงพอจะช่วยให้เห็นภาพและวางแผนการเดินทางเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีบนภูเขา Bandai กันได้ง่ายขึ้นนะครับ
สำหรับใครที่อยากติดตามการเดินทางทริปอื่นๆ ของเรา
หรืออัพเดทกระทู้ใหม่ๆ ก่อนใคร
ฝากติดตามใน Facebook Fanpage : ThirtyWander ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/thirtywander
หรือจะติดตามชมรูปสวยๆ ได้ที่ Instagram : porsuke13