ตื่นมาพร้อมกับพบว่าบรรยากาศยามเช้าที่ Aizu-Wakamatsu ครึ้มฟ้าครึ้มฝน และเต็มไปด้วยหมอก
หยิบมือถือขึ้นมาเช็คพยากรณ์อากาศวันนี้ก็พบว่าฝนกลับมาตกอีกแล้ว
แต่ก็ยังดีที่ไม่ใช่พายุ และตกแค่วันนี้วันเดียวแหละ
แอบเซ็งเล็กน้อยเพราะแพลนวันนี้มีแต่สถานที่ Outdoor และต้องเดินเป็นส่วนใหญ่ ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ตามที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า แต่ก็มีแผนสำรองนั่นคือการไปหาคาเฟ่ไว้แวะเวลาฝนตก
สำหรับแพลนของ Day 5-6 ตั้งใจที่จะเที่ยวภายในเมือง Aizu-Wakamatsu และใกล้เคียง โดยงดการใช้ JR East Pass ทั้ง 2 วัน และจะเดินทางโดยใช้ Aizu Gurutto Card แทน ส่วนสถานที่ที่จะไปในวันนี้ก็คือ
- หมู่บ้าน Ouchi juku
- Tono Hetsuri
- ปราสาท Tsuruga
เราเริ่มออกเดินทางแต่เช้า เพื่อจะได้ไปให้ทันรถบัสเที่ยวแรกที่จะไปหมู่บ้าน Ouchi juku แต่ก่อนไปต้องแวะซื้อ Aizu Gurutto Card ที่สถานี Aizu-Wakamatsu ซะก่อน
สถานี Aizu-Wakamatsu ในยามเช้า
นี่คือหน้าตาของรถไฟ Aizu Railway Line จอดรอตรงชานชาลาที่ 5
จุดหมายแรกของเรา ต้องนั่งรถไฟสายนี้ไปลงที่สถานี Yunokamionsen
ข้อดีของการออกเที่ยวแต่เช้า ก็คือ รถไฟจะโล่งมาก เลือกที่นั่งได้ตามสะดวก
นี่คือหน้าตาของ Aizu Gurutto Card สามารถใช้เดินทางภายในเมือง Aizu-Wakamatsu
ได้ทั้งรถไฟ (JR, Aizu Railway) และรถบัส ได้ไม่จำกัด 2 วันติดต่อกัน ราคา 2,670 เยน
ถ้ามีแพลนจะเที่ยวในเมือง Aizu-Wakamatsu 2-3 ที่ อยู่แล้ว ใช้ card นี้คุ้มค่ามากๆ
สำหรับรายละเอียดอ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.welovefukushima.com/fukushima-aizu-gurutto-card/
วิวข้างทางสวย ดูเพลินๆ อย่ามัวแต่หลับล่ะ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ก็ถึงสถานี Yunokamionsen
เป็นสถานีเล็กๆ ดูเก่าๆ มีที่ให้นั่งพักไม่มากนัก
ภายในสถานีมี Free Wifi ด้วย
ในสถานีมี Locker อยู่เท่านี้ อย่าแบกกระเป๋าใหญ่มาละกัน
เดินออกมาด้านหน้าสถานี มีป้ายบอกทางไปขึ้นรถบัสชัดเจน
แต่เรายังพอมีเวลาเหลือ กว่ารถจะมา ขอเดินสำรวจรอบๆ สถานีก่อนแล้วกัน
เดินออกจากสถานีแล้วเลี้ยวมาทางด้านขวา
จะเจอ Onsen ฟรีให้นั่งแช่เท้า อยู่ติดกับสถานี
น่าเสียดายที่วันนั้นอากาศไม่ดี แถมมีหมอกบัง
ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีบนภูเขาเต็มตากว่านี้
ได้เวลาก็เดินกลับมารอรถบัสที่ป้าย
จะมีตารางเวลาเดินรถให้ดูด้วย ช่องบนสุดคือเวลาจากสถานี Yunokamionsen
ขึ้นรถไปจะมีคุณป้าเป็นกระเป๋ารถเมล์อยู่ 1 คน
บอกป้าไปเลยว่าขอซื้อตั๋ว Round trip ป้าพูดภาษาอังกฤษได้อยู่ ราคาตั๋ว 1,000 เยน
บรรยากาศบนรถ คนไม่มากเพราะเรามาเช้าวันธรรมดา
นั่งรถประมาณ 20 นาที ก็ถึงปากทางเข้าหมู่บ้านแล้ว เดินต่อเข้าไปอีกนิด
จากปากทางเข้าหมู่บ้านเดินเข้าไปประมาณ 50 เมตร จะเจอกับถนนกลางหมู่บ้าน
ที่ตัดทอดยาวไปตั้งแต่ต้นทางจนถึงบริเวณเนินเขา สามารถเดินขึ้นไปชมวิวมุมสูงของหมู่บ้านได้
มีร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และของกินเล่นอยู่รายทางไปเรื่อยๆ
เดินผ่านร้านนี้แล้วสะดุดตา เหมือนเห็นภาษาไทยแวบๆ
เดินเข้าไปดูใกล้ๆ…ใช่เลย สงสัยคนไทยจะมาเที่ยวกันเยอะ 555
ลองซื้อมาชิมสักชิ้น อร่อยดีนะ ชิ้นละ 120 เยน กินเพลินๆ
ด้านหน้าคือเนินเข้าซึ่งอยู่สุดทางของหมู่บ้าน สามารถเดินขึ้นไปชมวิวได้
จุดชมวิวหมู่บ้าน เสียดายที่ช่วงที่เราไปใบไม้ยังเปลี่ยนสีไม่มาก แถมอากาศยังไม่เป็นใจไปอีก
แม้จะยังไม่ถึงช่วงพีค แต่ก็มีมุมให้ถ่ายรูปได้อยู่นะ
ลองเดินออกนอกเส้นทางของหมู่บ้าน มาเจอวิวแบบนี้ถ่ายรูปเพลินเลย
เดินถ่ายรูปจนทั่วแล้ว ก็ถึงเวลาไปเที่ยวต่อ ให้เดินกลับมาขึ้นรถตรงปากทางเข้าหมู่บ้าน
แต่ให้เดินไปขึ้นรถที่ฝั่งตรงข้ามกับตอนลง
ขากลับเจอคุณป้าคนเดิม เพิ่มเติมคือโปสการ์ดที่ระลึกรูปรถแบบต่างๆ
กลับมาที่สถานี Yunokamionsen นั่งรถไฟต่อไปอีก 2 สถานี ลงที่สถานี Tonohetsuri
วิวระหว่างทางจากสถานี Yunokamionsen มาที่สถานี Tonohetsuri มันดีมาก
แนะนำให้นั่งทางฝั่งขวา (ขาไป) และฝั่งซ้าย (ขากลับ)
สถานี Tonohetsuri เล็กมาก เหมือนเป็นแค่ชานชาลามากกว่า
แต่ใบไม้รอบสถานีก็สวยงาม พอให้เดินถ่ายรูปได้บ้าง
ฝนเริ่มลงเม็ดปรอยๆ และมีทีท่าจะตกหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ใช้เวลาถ่ายรูปที่นี่ได้ไม่มากนัก
ช่วงที่มาใบไม้ยังไม่พีค แถมฝนตกไปอีกน้ำเลยขุ่น เสียใจ T_T
หลังจากเดินตากฝนที่ Tono Hetsuri จนเปียกพอประมาณ ก็ได้เวลากลับมาที่ Aizu-Wakamatsu เพื่อไปคาเฟ่ที่เราแพลนไว้ และไปปิดท้ายวันนี้ที่ปราสาท Tsuruga โดยเราจะเดินทางกันด้วย Classic Town Bus (สามารถใช้ Aizu Gurutto Card ได้ครับ) ซึ่งมีรถ 2 สี เขียวและแดง เส้นทางเดินรถเดียวกันแต่ขับวน loop ต่างกัน สามารถขอ map ได้จาก Tourist Information Center ที่สถานี Aizu-Wakamatsu ได้เลย
เรานั่งรถคันสีแดง เพื่อไปลงที่ป้าย A28 Kitademaru Odouri อยู่ใกล้กับป้ายหน้าปราสาท Tsuruga ถ้าเริ่มตั้งต้นจากสถานี Aizu-Wakamatsu แนะนำให้นั่งคันสีเขียว จะใกล้กว่าครับ แต่เราเจอคันสีแดงกำลังจะออกพอดี เลยเลือกขึ้นคันนี้ นั่งอ้อมหน่อยแต่ก็ได้ชมเมืองไปในตัว
ฝั่งตรงข้ามป้ายรถบัสที่เราลงเมื่อกี้มีคาเฟ่น่ารักอยู่ร้านนึง แต่ไม่ใช่ร้านที่เราตั้งใจมา
เดินจากป้ายรถบัสมาประมาณ 500 เมตร จะเจอร้าน “Aizu Lover’s Coffee”
เป็นร้านเล็กๆ เกือบเดือนเลยไปด้วยซ้ำ เพราะรถจอดบังหน้าร้านเต็มเลย
นอกจากจะเป็นคาเฟ่แล้ว ที่นี่ยังเป็นโรงคั่วเมล็ดกาแฟด้วย
สั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์นี้ แล้วนั่งรอได้เลย
Hot Latte ที่เราสั่งมาชิม มีเมล็ดให้เลือกหลายแบบ แต่เราให้บาริสต้าเลือกให้
รสชาติกลมกล่อม ไม่ขม อมเปรี้ยวนิดๆ ติดปลายลิ้น เหมาะกับคนที่ไม่ชอบดื่มกาแฟเข้มๆ แบบเรา
พิกัดร้าน Aizu Lover’s Coffee : https://goo.gl/maps/u7ryF2hzfuT2
หลังเติมคาเฟอีนแล้ว ก็ได้เวลาเดินไปที่ปราสาท Tsuruga กันต่อ เพราะที่นี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมใบไม้เปลี่ยนสีกัน แต่เนื่องจากเรามาถึงที่นี่ก็เกือบเย็นแล้ว จะเข้าไปเดินในปราสาทก็คงไม่คุ้มค่าตั๋วสักเท่าไร เลยตั้งใจจะมาชม Light Up ที่จะจัดช่วงเย็นถึงค่ำๆ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
ระหว่างทางเดินเข้าไปที่ปราสาท มีคาเฟ่น่านั่งอยู่ด้วย แต่เน้นขายมื้อกลางวัน
ตอนเย็นจะแปลงสภาพเป็นบาร์ มีไอศครีมให้กินกรุบกริบ แต่ไม่มี Main Dish ให้สั่ง
ใบไม้แดงในเมือง Aizu-Wakamatsu ก็ยังไม่ถึงช่วงพีคเช่นกัน
อีกสักสัปดาห์น่าจะสวยกว่านี้
บรรยากาศที่ปราสาท Tsuruga ก่อนพระอาทิตย์ตก
ประมาณ 6 โมงเย็นก็เริ่มเปิดไฟแล้ว
ได้ชม Light up แบบนี้ ก็สวยงามดี คนไม่เยอะเหมือนช่วงกลางวันด้วย
บรรยากาศสวนบริเวณรอบปราสาท Tsuruga เปิดไปให้ได้ชมใบไม้แดงในยามค่ำคืน
ส่วนขากลับจากปราสาทไปที่สถานี Aizu-Wakamatsu ถ้าสะดวกสุดแนะนำให้นั่งแท็กซี่ ระยะทางไม่ไกลมากครับ แต่ถ้าไปคนเดียวแบบเรา แนะนำให้เปิด Google Map แล้วเช็คบริเวณป้ายรถเมล์ที่อยู่ใกล้ที่สุด (แต่ก็เดินไกลพอสมควรนะ) พร้อมหมายเลขรถบัสที่เราสามารถขึ้นได้ ก่อนขึ้นก็ถามคนขับสักนิดว่าไปถึง Aizu-Wakamatsu Station ไหม คนขับเขาพอเข้าใจเราได้อยู่ครับ (Classic Town Bus รอบสุดท้ายหมดก่อน 17.00 น. ถ้าจะมาชม Light up จัดสรรเวลารถให้ดีนะครับ)
หมดไปแล้วอีกวันกับการเดินเที่ยวแบบเปียกๆ เล็กน้อย (ก็ยังดีกว่าพายุในวันแรกๆ นะ) ถือว่าได้ตามแพลนที่ตั้งใจไว้ แต่ก็แอบเสียดายที่ไม่ได้รูปสวยๆ เท่าที่คิด พรุ่งนี้เราจะยังอยู่ในแถบ Aizu เหมือนเดิม แต่จะพาไปเที่ยวที่ไหนไว้รอติดตามกันนะครับ
สำหรับใครที่อยากติดตามการเดินทางทริปอื่นๆ ของเรา
หรืออัพเดทกระทู้ใหม่ๆ ก่อนใคร
ฝากติดตามใน Facebook Fanpage : ThirtyWander ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/thirtywander
หรือจะติดตามชมรูปสวยๆ ได้ที่ Instagram : porsuke13