Shanghai Cafe Guide 2018 : คาเฟ่และร้านอร่อยในเซี่ยงไฮ้ที่ไม่อยากให้พลาด
ภาพจำเมื่อได้ยินคำว่า “ประเทศจีน” สำหรับเราคือ ความเสียงดังช้งเช้ง วุ่นวาย และ “ห้องน้ำ” ที่ขึ้นชื่อลือชา
“ประเทศจีน” จึงเป็นประเทศที่เราตั้งใจว่าจะไม่ไปเที่ยวเองเด็ดขาด เพราะกลัวพ่ายแพ้ต่อพลเมืองจีน
ครั้งแรกและครั้งเดียวที่เราเคยไปประเทศจีน คือประมาณ 13 ปีก่อน เป็นการออกนอกประเทศครั้งแรก
และได้ประเดิมกับประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของบรรพบุรุษอย่างประเทศจีน ที่เมืองปักกิ่ง
ตอนนั้นที่บ้านซื้อทัวร์ให้ไปเที่ยวกันช่วงปิดเทอม จำได้ว่าสถานที่เที่ยวอย่างกำแพงเมืองจีน
จตุรัสเทียนอันเหมิน มันก็อลังการณ์งานสร้างดี แต่เรากลับเฉยๆ และไม่ได้ประทับใจจนคิดว่าจะต้องกลับไปอีก
แต่ด้วยความที่เราอยากไป Disneyland ไง Disneyland ที่เซี่ยงไฮ้ซึ่งตอนนี้ก็เปิดมาสักพักหนึ่งแล้ว
และหลังจากได้อ่านหลายๆ รีวิวที่เขาบอกกันว่าเซี่ยงไฮ้มันดี ตึกสูงเยอะแยะมากมาย
แถมดีไซน์ซะเหมือนเดินเที่ยวในยุโรปไปอีก ประจวบเหมาะกับเจอตั๋วเครื่องบินลดราคาพอดิบพอดี
ทริปนี้จึงเกิดขึ้น และได้ทำลายความตั้งใจของเราที่ไม่คิดจะไปเที่ยวเมืองจีนออกไป
จนเมื่อได้ไปสัมผัสความเป็นจีนที่ “เซี่ยงไฮ้” จริงๆ แล้ว กลับทำให้เราเปลี่ยนความคิดและอคติที่เคยมีมา
และยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เราหลงเสน่ห์ของ “เซี่ยงไฮ้” เข้าอย่างจังแล้วแหละ จึงอยากจะเอาประสบการณ์ที่เราได้เจอ
ทั้งความเก๋ ความดีงาม ของเซี่ยงไฮ้ ที่ใครจะไปคิดล่ะว่าจะได้เจอ มันดี๊ มันดี จนต้องมาทำกระทู้ให้ทุกคนได้อ่านนี่แหละ
ส่วนจะดีงามอย่างไรนั้น…เลื่อนลงไปอ่านกันต่อได้เลย!
มีหลายรีวิวที่ได้กล่าวถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็น Landmark ของเซี่ยงไฮ้ไปแล้ว
คราวนี้เราจึงอยากจะมาแนะนำคาเฟ่เก๋ๆ รวมไปถึงร้านอาหารที่ไม่อยากให้พลาดหากได้มา
และปิดท้ายกันด้วย Art museum ที่เราเหลือเวลาไปได้แค่ที่เดียวเท่านั้น
แต่ก่อนที่จะไปถึงรีวิวส่วนหลักของกระทู้นี้ เราขอมาเพิ่มเติมประสบการณ์จริง
และ Tips เล็กๆ น้อยๆ เพื่อจะได้ Survive และท่องเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้ได้อย่างแฮปปี้แบบเรา
Shanghai Tips
- การเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง สามารถเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงที่เรียกว่า Maglev จากสนามบิน Pudong ไปลงที่สถานี Longyang road (Line 2 : สายสีเขียว) ใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 7 นาทีเท่านั้น ค่ารถเที่ยวละ 50 หยวน แต่! ถ้ามี boarding pass ที่ใช้เดินทางในวันเดียวกันสามารถนำมาเป็นส่วนลด Maglev เหลือแค่เที่ยวละ 40 หยวนเท่านั้น
ภายในสถานี Maglev Longyang Road
บรรยากาศภายในรถ สะอาด คนโล่งมาก
รถไฟจีนก็วิ่งเร็วเหมือนกันนะ (431 km/hr คือความเร็วสูงสุดที่รถวิ่ง)
- หากไม่นั่ง Maglev ก็นั่งรถไฟ Metro (จากนี้ไปขอย่อว่า MRT แล้วกันนะ) จากสถานี Pudong International Airport (Line 2 : สายสีเขียว) เข้าไปในเมืองได้ แต่ว่าไม่ได้นั่งยาวเข้าเมืองเลยนะ ต้องแวะเปลี่ยนขบวนที่สถานี Guanglan Road อย่าเผลอหลับ หรือเด๋อไม่ออกจากขบวนอย่างเราละกัน นั่งตั้งนานก็ว่าทำไมไม่ถึงสักที T_T
- บัตรเติมเงินสำหรับใช้ขึ้น MRT ถ้าจะซื้อที่สนามบินจะต้องซื้อที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วรถไฟ Maglev และจะเริ่มขายตั้งแต่ 9.oo น.เป็นต้นไป ถ้าไปถึงเช้ามากแบบเรา ก็ซื้อไม่ได้จ้า
- แต่ถึงไม่ได้ซื้อบัตรเติมเงิน หรือ 1, 2, 3 daypass ใดๆ ก็ตาม การซื้อตั๋วเที่ยวเดียว (Single trip) ที่สถานี MRT ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะคิวไม่ได้ยาวขนาดนั้น และเครื่องซื้อตั๋วก็มีเยอะอยู่ สรุปแล้ว 4 วันที่เราอยู่ในเซี่ยงไฮ้ ใช้การซื้อตั๋วเป็นรอบๆ ตลอดเลย ก็ไม่ได้ลำบากหรือช้าอะไรมากนะ ติดแค่ว่าเครื่องขายตั๋วรับแบงค์ใหญ่สุด คือ 50 หยวน ดังนั้นเวลาแลกเงินแลกแบงค์ย่อยไปด้วยก็ดี
- การใช้บัตร Metro แบบ Single trip ขาเข้าใช้บัตรทาบกับที่อ่านบัตร ขาออกให้สอดบัตรคืน
- ค่ารถไฟที่นี่ถูกมากเว่อร์ เริ่มต้นที่ราคา 3 หยวน (ประมาณ 15 บาท) เท่านั้น เรานั่ง MRT จากสนามบิน Pudong มาที่ รร.ของเราที่สถานี Shanghai Railway ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. นิดๆ ค่ารถแค่ 7 หยวน (ถูกกว่า Airport Link ไปอีก) แพงสุดที่นั่งคือจาก รร. เราไปที่ Disneyland ค่ารถ 8 หยวน ซึ่งถูกกว่านั่ง BTS จากสถานีหมอชิตไปอนุสาวรีย์ซะอีก
- ความดีงามของ Metro ที่นี่อีกอย่างคือ มันคลอบคลุมสถานที่เที่ยวทุกที่ที่เราอยากไป บรรยากาศเหมือน Metro ที่สิงคโปร์ นั่งง่าย ไม่วุ่นวายมาก เอาสะดวกสุดต้องโหลด App : Shanghai Metro แค่กรอกสถานีต้นทางและปลายทางก็จบ ง่ายมาก!
- ควรเช็คเวลาเปิด-ปิดของ Metro แต่ละสถานีให้ดี เพราะมันปิดเวลาไม่ตรงกัน ถ้ากลับดึกมากอาจตกรถได้
- ค่ารถถูก แต่ค่ากาแฟที่นี่แพงมาก เจอถูกสุดคือประมาณ 20 หยวนต่อแก้ว (ประมาณ 100 บาท) ดังนั้นสาย Cafehopping ที่จะไปตามรอยกระทู้เรา ควรเตรียมแลกเงินไปเผื่อค่ากาแฟเยอะๆ
- ค่าอาหารการกิน ค่า รร. เราว่ากลางๆ ที่พักถูกกว่าญี่ปุ่น และฮ่องกง (มาก) ขนาดเรานอน รร. ที่จัดว่าหรูหราใช้ได้ ห้องกว้างขวาง อยู่ใจกลางเมืองใกล้สถานีรถไฟ ตกคืนละ 3 พันกว่าๆ (บาท) ส่วนเรื่องอาหารส่วนหนึ่งก็ขึ้นกับ Location และชื่อเสียงของร้าน แต่เราแลกเงินค่ากินค่าเที่ยวสำหรับ 4 วันไปประมาณหมื่นบาท ยังเหลือเงินกลับมาแลกคืนได้อีก (กินอิ่ม กินดีแทบทุกมื้อเลยนะ)
- ทางเท้าหรือฟุตบาท ในเซี่ยงไฮ้ไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับคนเดินถนน เพราะจะมีรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งเสียงเครื่องยนต์เบากว่าเสียงโซ่จักรยาน (มารู้ทีหลังว่ามอเตอร์ไซค์ที่นี่เขาใช้ไฟฟ้า) และพร้อมที่จะพุ่งชนเราได้ทุกเมื่อหากเราเดินเอ้อระเหยไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัว ดังนั้นเวลาเดินก็ต้องมองซ้ายขวาหน้าหลังให้ดี เพราะนี่เกือบโดนรถชนแล้วเหมือนกัน
- ไฟเขียวไฟแดงตรงแยก อาจไม่ได้ช่วยอะไรกับบ้านเมืองนี้ เพราะรถแทบทุกคันสามารถแหกกฎได้ทุกเมื่อโดยไม่สนใจอะไร (เจอกลับรถแบบงงๆ ต่อหน้าตำรวจก็มี) ดังนั้น เวลาข้ามถนน ก็ต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง
- ร้านอาหารส่วนใหญ่ โดยเฉพาะร้านอาหารจีน มักจะไม่มีภาษาอังกฤษ ไม่มีคนพูดภาษาอังกฤษได้ ควรเตรียมฝึกภาษาจีนขั้นพื้นฐาน เช่น นับเลข ถามราคา เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ ขอน้ำ ถามทางไปห้องน้ำ เป็นต้น หรือถ้าขี้เกียจก็เตรียม App แปลภาษาหรือ google translate ไปให้ดี
- ศึกษาเส้นทางของสถานที่ที่เราจะไปตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น ที่เที่ยวอยู่สถานี MRT อะไร ออกทางออกไหน และ capture หน้าจอแผนที่เก็บเอาไว้ให้ดี อย่าหวังพึ่ง 4G ที่ประเทศจีนเด็ดขาด เราซื้อซิมของค่ายสีแดงไป เรียกได้ว่าไม่ช่วยอะไรเลย สัญญาณมาๆ หายๆ (ส่วนใหญ่หาย) และขึ้น EDGE มากกว่า 4G ถึงบางครั้งจะขึ้น 4G แต่ใช้ไม่ได้ก็มีบ่อยๆ ดังนั้นควรต้อง Back to basic จด note และ cap รูปแผนที่เอาไว้จะดีที่สุด และอย่าลืมโหลด App VPN ไว้ใช้เล่น Facebook / IG / Line ด้วย Wifi ที่โรงแรม
- หากใช้ iPhone แนะนำให้ใช้ Apple Map จะมีสถานที่ครบและบอกทางได้ดีกว่า Google Map (บอกละเอียดถึง Exit No. ของแต่ละสถานี MRT ด้วยล่ะ)
- คนที่รักการถ่ายรูป รักความสงบ ไม่ชอบคนพลุกพล่าน และอยากไปสถานที่เที่ยวฮิตๆ อย่าง The Bund / Yuyuan Garden แนะนำให้ไปแต่เช้ามากๆ (เช็คเวลาเปิดปิดให้ดี) เพื่อหลีกเลี่ยงทัวร์และนักท่องเที่ยวที่พร้อมจะแห่แหนกันมาทั้งคนจีนและต่างชาติ
- ร้านอาหารหรือคาเฟ่ฮิตๆ ก็ควรไปตั้งแต่ร้านเปิดเช่นกัน ไม่งั้นต้องรอเป็นชั่วโมงกว่าจะได้กิน
- ใครที่มีแพลนไป Disneyland แนะนำให้ซื้อตั๋วออนไลน์ไปก่อนเลย เพราะการไปซื้อตั๋วหน้างาน เสียเวลาต่อคิวมาก และมีเคาน์เตอร์ที่เปิดขายน้อย ทำให้ต้องต่อคิวซ้ำซ้อนไปอีก
- ขาช็อปทั้งหลาย หากเตรียมเงินไปช็อปพวกแบรนด์ต่างๆ ที่บ้านเราก็มี เช่น H&M, UNIQLO, Muji หรือใดๆ ก็ตามที่เป็นแบรนด์นอก (ที่ไม่ใช่ของจีน) แพงกว่าบ้านเราแทบทุกอย่าง ที่เจอถูกกว่า คือ Zara ซึ่งก็ถูกกว่าประมาณ 100 – 300 บาท ส่วนเรื่องตลาดของก๊อปอันนี้ไม่รู้ ไม่ได้ไป แฮะๆๆๆ
Pullman Shanghai Jingan
โจทย์ในการเลือกที่พักของเราก็คือ เราอยากได้ รร. ที่อยู่ใกล้กับ MRT Line 1 หรือ 2 ก็ได้ เพราะเดินทางไปไหนมาไหนดูจะสะดวกที่สุด และรอบนี้ไปกับเพื่อนอีกคน ซึ่งเคยไปเจอประสบการณ์แย่ๆ กับ Hostel ที่ฮ่องกงมาเมื่อ 2 ปีก่อน เลยขอโรงแรมที่ดีๆ นอนสบาย เรื่องราคาก็ขอให้ไม่แพงจนเกินความจำเป็น ซึ่ง Pullman ที่เราไปพักครั้งนี้ก็ตอบโจทย์แทบทุกอย่าง ราคาตอนที่จองก็ตกประมาณคืนละ 3,4xx บาท ซึ่งก็พอรับได้อยู่
ห้องที่เราจองเป็นห้อง Superior Twin Room กว้างขวางใช้ได้เลยแหละ
มีน้ำดื่มให้วันละ 4 ขวด
ห้องน้ำมี Shower แยกส่วนแห้งส่วนเปียก ไม่มีสายฉีดชำระ ไม่มีอ่างอาบน้ำ
ข้อดี
– อยู่ติดกับทางออกที่ 5 ของสถานี MRT Shanghai Railway (Line 1) เดินทางสะดวกมาก
– สามารถเช็คอินได้ตั้งแต่เช้า เราไปถึง รร. ประมาณ 10 โมง ก็ได้ห้องเลย ใครมาไฟลท์ดึกถึงเช้าก็ได้อาบน้ำพักผ่อนก่อนออกไปลุยต่อ
– ห้องใหญ่ สะอาด ราคาเหมาะสมกับคุณภาพ
– พนักงานพูดอังกฤษได้ดี รับฝากกระเป๋าหลัง check out ฟรี
ข้อเสีย
– ทางออก 5 ที่จะมา รร. ไม่มีบันไดเลื่อนหรือลิฟท์ ใครมีกระเป๋าใหญ่จะลำบากพอควร
– ไม่มีอาหารเช้าให้ ต้องจ่ายเงินเพิ่มหากต้องการทานอาหารที่โรงแรม
– ระบบการจ่ายเงินดูงงๆ เพื่อความสบายใจแนะนำให้จ่ายกับ web agent ที่เราจองไปให้เรียบร้อยก่อน check in จะดีที่สุด
– ต้องเตรียมบัตรเครดิตหรือเงินสดเพื่อจ่ายค่ามัดจำความเสียหาย ประมาณ 3,000 หยวน (จะได้คืนตอน check out)
Shanghai Cafe Guide
มาเข้าสู่เรื่องหลักของเราดีกว่า กระทู้นี้เราจะมาแนะนำ 8 คาเฟ่ และ 4 ร้านอาหาร ที่เราได้แวะไปลองชิมมา และอยากให้ได้ไปตามรอยกัน โดยจะแบ่งตามสถานี MRT เพื่อให้สะดวกต่อการจัดแพลนของเพื่อนๆ แล้วกันครับ
MRT Shanghai Library (Line 10 สายสีม่วงอ่อน)
1. % Arabica Shanghai Wukang Lu
หากใครเคยไปเที่ยว Arashiyama ที่เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น คงจะเคยผ่านตากับร้านกาแฟ % Arabica ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ซึ่งแบรนด์นี้ได้ขยายสาขาไปหลายประเทศ (รวมถึงกำลังจะมีสาขาที่ประเทศไทย ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วยนะ) และสาขาแรกที่เซี่ยงไฮ้ ก็คือสาขาถนน Wukang ซึ่งเป็นร้านเล็กๆ แต่ยังคง Mood & Tone เหมือนร้านที่ญี่ปุ่นเลย ส่วนตอนนี้สาขาที่สองก็เพิ่งจะเปิดให้บริการเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หากใครได้ไปเซี่ยงไฮ้ช่วงนี้ลองแวะกันไปได้ครับ
บรรยากาศภายในร้านยังคงตกแต่งด้วยโทนสีขาวตัดกับสีน้ำตาลของไม้
มีที่นั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์ประมาณ 4-5 ที่นั่ง
มีเมล็ดกาแฟและของที่ระลึกของร้านขายด้วย
Matcha Latte ราคาแก้วละ 50 หยวน
ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 19.oo น.
การเดินทาง : MRT Shanghai Library (Exit 3) เดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
MRT South Shaanxi Road (Line 1 สายสีแดง หรือ Line 10 / 12)
สถานีนี้ถือเป็นดงคาเฟ่ก็ว่าได้ อารมณ์ประมาณแถวเอกมัยที่มีคาเฟ่อยู่ปะปนกับบ้านทั่วไป มีคาเฟ่น่าสนใจรายทางเยอะแยะมาก และสามารถเดินชิลๆ ไปจนถึง Xintiandi ซึ่งเป็นย่านที่มีร้านอาหาร บาร์ ห้าง และร้านค้าให้ช็อปปิ้งได้ด้วย
2. Café Chez W, 一木家
ขอยกให้ที่นี่เป็นคาเฟ่ที่เราประทับใจที่สุดละกัน เป็นคาเฟ่ที่เราค้นเจอใน Instagram แล้วสะดุดตากับหน้าร้านและน้องแมวที่เป็นหน้าเป็นตาของร้านนี้มาก จากสถานี South Shaanxi ก็ถือว่าเดินไกลพอสมควรแต่คุ้มค่าที่จะมา ร้านเป็นบ้านสองชั้นเล็กๆ ภายในร้านมีที่นั่งทั้งสองชั้น เจ้าของร้านทำหน้าที่ทั้งดูแลร้าน บาริสต้า ทำขนม และดูแลแมว (อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ) เรียกได้ว่าเป็นทุกอย่างของทั้งร้าน และที่สำคัญเจ้าของร้านพูดภาษาอังกฤษได้
คุณเจ้าของเล่าให้ฟังว่าร้านเพิ่งเปิดมาได้ประมาณ 6 เดือน มีลูกค้าแวะเวียนมาเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่เป็นคนจีน เพิ่งจะมีเราที่เป็นคนไทยโผล่ไปนี่แหละ ส่วนน้องแมวที่เราเข้าใจว่าเขาเลี้ยงไว้ สรุปแล้วน้องคือ street cat ที่วนเวียนอยู่แถวร้าน แล้วเจ้าของเขาใจดีให้อาหารน้อง น้องก็เลยมาวนเวียนเสมือนเป็นบ้านของตัวเองไปแล้ว
ที่นั่งบริเวณชั้น 2 ของร้าน
ที่นี่มีทั้งกาแฟและชาเขียว เมนูเป็นภาษาอังกฤษด้วย
ส่วนเจ้าของร้านก็ทำทุกอย่างจริงๆ
มี Tote bag ของทางร้านขายด้วย
ชาเขียว ราคาแก้วละ 32 หยวน
ร้านเปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 19.oo น.
การเดินทาง : MRT South Shaanxi Road Exit 1 เดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
(Search จาก Apple Map : Cafe Chex W Yimujia)
3. 17 Cafe
เราเดินผ่านร้านนี้ก่อนจะถึง Café Chez W แล้วก็สะดุดตากับการออกแบบร้าน และมารู้ทีหลังว่าที่ชั้นใต้ดินของร้านจะมีการตกแต่งเปลี่ยน Theme ไปทุก 3 เดือน เพื่อให้ลูกค้าลงไปถ่ายรูปเล่นได้ ซึ่งช่วงที่เราไปเขาได้จำลองหาดทรายมาไว้ที่ห้องใต้ดิน พร้อมพร็อบอีกมากมายให้ถ่ายรูปกันได้เพลินๆ
บรรยากาศหน้าร้าน
ชั้นใต้ดินของร้าน โพสถ่ายรูปกันได้เต็มที่
ส่วนเครื่องดื่มก็มีทั้งกาแฟ (ร้านนี้มี Flat white ให้สั่งด้วย) รสชาติก็ดีงามตามมาตรฐาน มีเมนูภาษาอังกฤษ พนักงานพูดภาษาอังกฤษพอได้ เราสั่ง Hot Latte ไป ราคาแก้วละ 28 หยวน
ร้านเปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 19.oo น.
การเดินทาง : MRT South Shaanxi Road Exit 1 เดินต่ออีกประมาณ 10 นาที (ก่อนถึง Cafe Chez W)
4. PARAS Cafe
Brunch Cafe ชื่อดัง ที่ search google ก็เจอเป็นร้านแรกๆ แห่งนี้ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี MRT South Shaanxi Road ด้วยความที่ร้านไม่ใหญ่นัก ทำให้เราต้องไปต่อคิวรอเกือบ 2 ชม. T_T แนะนำว่าถ้าจะไปควรไปตั้งแต่ร้านเปิดนะ
ชั้นล่างของร้านเป็น Counter ทำกาแฟและสั่งอาหาร
มีที่ให้นั่งต่อคิวอยู่นิดหน่อย ที่นั่งของลูกค้าจะอยู่ที่ชั้น 2
เราสั่ง Orange Blossom Latte ซึ่งเป็นเมนูพิเศษของร้านในช่วงนี้มาลองชิมดู
เป็นลาเต้ที่ราดด้วยครีมนุ่มๆ รสส้ม ก็หวานอ่อนๆ ละมุนดี
มีขนมหลายอย่างให้สั่ง น่าชิมทั้งนั้นเลย
บรรยากาศร้านชั้น 2
ร้านเปิดทุกวัน วันธรรมดา เปิด 8.30 – 20.3o น. เสาร์อาทิตย์ เปิด 9.30 – 20.3o น.
การเดินทาง : MRT South Shaanxi Road Exit 1
5. Tao Heung
ร้านติ่มซำสไตล์ฮ่องกงที่โด่งดังในเซี่ยงไฮ้ร้านนี้ ตั้งอยู่ชั้น 3 ของห้าง IAPM Mall มีเมนูทั้งติ่มซำ และอาหารจีนสไตล์ฮ่องกง ราคาก็ค่อนข้างสูง (แต่ก็ยังถูกกว่าร้านดังๆ ในฮ่องกงนะ) อาหารและการบริการดีงามตามมาตรฐาน เมนูแนะนำที่ต้องสั่งคือ หมูกรอบ ซึ่งหนังบาง กรอบ แต่เนื้อหมูนุ่มสุด ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มอะไรเลยก็อร่อย แต่ข้อเสียก็คือทั้งร้านไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้ เมนูไม่มีภาษาอังกฤษ มีเพียงภาพให้ชี้ + ใช้ภาษามือกับพนักงาน
ภายในร้านมีโต๊ะเยอะมาก แต่เราเข้ามาไม่นานโต๊ะก็เต็ม
แนะนำให้มาตั้งแต่ร้านเปิด
อาหารทั้งหมดที่เราสั่งวันนี้ (ไม่นับหมูกรอบที่ลงท้องไปหมดแล้ว)
ซาลาเปาไส้ไหลเยิ้ม
แค่หน้าตาดีไม่พอ รสชาติดีเกินหน้าตาไปอีก เห็นแค่รูปยังหิว
ค่าเสียหายสำหรับมื้อนี้ ประมาณหัวละ 500 – 600 บาท
ร้านเปิดทุกวัน แบ่งเป็น 2 ช่วง 9.00 – 16.00 น. และ 17.30 – 22.00 น.
การเดินทาง : MRT South Shaanxi Road Exit 6 หรือ 7 (เข้าไปในห้างได้เลย)
6. Cha’s restaurant
ร้านอาหารจีน Local ที่การันตีด้วยรางวัล Reader’s choice award ปี 2017 และยืนยันได้ด้วยปริมาณคนที่มาต่อคิวหน้าร้าน เมนูส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารจีนทั่วๆ ไป เมนูเด็ดของร้านที่ต้องสั่ง คือ ปีกไก่ทอด และ ขนมปังหน้ากุ้ง
มีป้ายรางวัลการันตีโชว์อยู่หน้าร้าน
ปีกไก่ทอดอร่อยโดยไม่ต้องจิ้มอะไร
ขนมปังหน้ากุ้ง มากันทั้งตัวเต็มๆ
ร้านเปิดทุกวัน 11.00 – 01.30 น.
การเดินทาง : MRT South Shaanxi Road Exit 4 เดินต่อประมาณ 15 นาที
(เดินตรงมาเรื่อยๆ จากทางออกสถานีจนเจอสี่แยกที่มี Line Cafe อยู่ทางด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวไปทางขวาประมาณ 100 เมตร)
MRT South Huangpi Road ( Line 1 สายสีแดง)
7. S.ENGINE COFFEE
เป็นอีกร้านที่เราชอบเพราะมีกาแฟหลากหลายแบบให้เลือกชิม ทั้งเมนูพิเศษที่ทางร้านครีเอทเอง กาแฟ drip และขนมเค้กหน้าตาน่ากินอีกหลายอย่าง การตกแต่งของร้านออกแนว Minimal เน้นสีเงิน/ขาว/ดำ มีจุดเด่นคือบันไดเวียนที่อยู่กลางร้าน
บริเวณเคาน์เตอร์บาร์ชั้น 1
บันไดเวียนสีดำกลางร้าน
นั่งชม barista drip กาแฟเพลินๆ
เราสั่ง Shanghai Dumpling เป็นเค้กที่ทำหน้าตาเหมือนเสี่ยวหลงเปา
และกาแฟ Cold brew ผสมพีช อร่อยมากๆ ทั้งคู่
ร้านเปิดทุกวัน 8.00 – 22.00 น.
การเดินทาง : MRT South Huangpi Road Exit 2 เดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
MRT Jing’an Temple (Line 2 สายสีเขียว / Line 7 สายสีส้ม)
8. Aunn Cafe & Co
ขอยกให้เป็นคาเฟ่ที่ Packaging design ดีงามที่สุดในเซี่ยงไฮ้ และ (เค้าร่ำลือว่า) cold brew ของที่นี่ก็ดีงามไม่แพ้กัน (เสียดายวันนี้ดื่มกาแฟไม่ไหวแล้ว เลยไม่ได้ลอง) ร้านตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัด Jing’an เดินข้ามถนนมาก็ถึงเลย
เคาน์เตอร์เท่มาก
แก้วสวยจนต้องเก็บกลับบ้าน ส่วน Apple tart ก็อร่อยมากกกกกก
บรรยากาศภายในร้าน
ร้านเปิดทุกวัน 8.30 – 22.00 น.
การเดินทาง : MRT Jing’an Temple Exit 1
9. ORITEA
เดินต่อจาก Aunn Cafe ประมาณ 50 เมตร จะเจอกับตึก 1788 E.A.T เข้าไปในตึกก็จะเจอกับร้านชา ORITEA ซึ่งทางร้านมีคอนเซปท์ คือ Handmade Tea เหมาะกับ Tea Lover สุดๆ ส่วนเราก็ได้ลอง 2 จาก 5 เมนูขายดีของร้าน คือ Oolong tea macchiato และ Aloe lemon soda
บริเวณเคาน์เตอร์ของร้าน
มีชาสกัด (ไม่รู้เรียกถูกหรือเปล่า) ซึ่งน่าจะเลือกใบชาได้ แต่ไม่ได้สั่งมาลอง
Oolong tea macchiato และ Aloe lemon soda ที่เราสั่งมาลองชิม
ส่วนตัวชอบ Aloe lemon soda เพราะรสเปรี้ยวซ่าของมะนาวโซดาพอคู่กับว่านหางจระเข้แล้วมันเข้ากันดี
บริเวณหน้าตึก 1788 E.A.T เปิดประตูเข้าไปจะเจอร้านอยู่ทางซ้ายมือ
ร้านเปิดทุกวัน 10.00 – 21.00 น.
การเดินทาง : MRT Jing’an Temple Exit 1
10. Din Tai Fung (Nanjing West Road)
คนไทยคงรู้จักร้านอาหารจีนร้านนี้กันเป็นอย่างดี ถามว่าทำไมต้องถ่อไปกินที่เซี่ยงไฮ้? เพราะใน tripadvisor แนะนำน่ะสิ เราก็เลยไป 555 สาขาที่ไปหาไม่ยาก เดินไม่ไกลจากสถานี Metro ด้วย ร้านสาขานี้ตั้งอยู่ในห้าง Jing’an Kerry Centre Outlet ชั้น 4 ดีงามตรงที่พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ มีเมนูภาษาอังกฤษด้วย สร้างมาเพื่อชาวต่างชาติโดยเฉพาะ เมนูส่วนใหญ่ก็คล้ายๆ กับที่ไทย แต่ที่ต้องสั่งก็คือเสี่ยวหลงเปา โดยส่วนตัวคิดว่าที่จีนรสชาติดีกว่า ส่วนราคาก็กลางๆ ตกคนละประมาณ 100 – 200 หยวน
บรรยากาศภายในร้าน
เราสั่งเสี่ยวหลงเปาหน้ากุ้งมาลอง กุ้งเต็มปากเต็มคำ น้ำซุปอร่อย
มีวิธีการกินเสี่ยวหลงเปาแนะนำให้ด้วย
ไก่ต้มเหล้า และข้าวผัดหน้าหมูทอดก็จัดว่าเด็ด
ร้านเปิดทุกวัน 10.00 – 21.00 น.
การเดินทาง : MRT Jing’an Temple Exit 6
MRT West Nanjing Road (Line 2 สายสีเขียว / Line 12, 13)
11. Starbucks Reserve Roastery
Starbucks สาขานี้ ถือเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ณ เวลานี้) ตัวร้านมี 2 ชั้น พื้นที่รวม 2,700 ตร.ม. ภายในร้านมีทั้งโรงคั่ว ที่คั่วกันให้ดูสดๆ และยังมีบาร์ที่แบ่งตามชนิดของเครื่องดื่ม มีทั้งบาร์กาแฟธรรมดา บาร์ Teavana ที่จะเป็นเมนูชา บาร์กาแฟผสมกับช็อคโกแล็ต, แอลกอฮอล์ ให้เลือกชิมกันได้หลากหลายตามกำลังทรัพย์ รวมถึงเมล็ดกาแฟและใบชาแบบต่างๆ ให้ซื้อกลับไปชงที่บ้านได้ด้วย
เข้าไปจะเจอโรงคั่วกาแฟเด่นอยู่กลางร้าน
บรรยากาศตามบาร์ต่างๆ
มีร้านเบเกอรี่ด้วย
โซน Teavana มีชา Nitro ให้สั่ง และมีชาหลายแบบให้ลองชิม
โซนนี้ขายเมล็ดกาแฟ
ร้านเปิดทุกวัน 7.00 – 23.00 น.
การเดินทาง : MRT West Nanjing Road Exit 11
MRT Wujiaochang (Line 10 สายสีม่วงอ่อน)
12. Hai Di Lao Hot Pot (สาขาห้าง SUNING)
มาเซี่ยงไฮ้ทั้งที ถ้าไม่พาไปกินชาบูหมาล่าก็เหมือนมาไม่ถึง เราขอแนะนำร้านนี้เพราะมีหลายสาขา รสชาติอร่อย ราคาไม่แพงมาก และที่ดีที่สุดคือการบริการของร้านนี้เอาไปเลยเต็มร้อย!
จาก MRT Wujiaochang เดินมาตามทางที่จะไปทางออก 5 จะเจอร้าน KFC ซึ่งอยู่ชั้นใต้ดินของห้าง เดินเข้าไปในห้างจนเจอลิฟท์ที่อยู่ด้านในสุด กดลิฟท์ขึ้นไปชั้น 5 ก็จะถึงหน้าร้านเลย
ออกจากลิฟท์ทางด้านซ้ายจะมีพนักงานรอรับคิว
ห้องทางด้านขวาเป็นห้องรับรองสำหรับลูกค้าที่มารอต่อคิว
หลังได้บัตรคิวแล้ว เดินเข้าไปนั่งรอที่ห้องรับรองลูกค้าได้เลย เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเจอร้านชาบูที่มีห้องรับรองนี่แหละ นั่งไปได้แปบเดียวมีพนักงานเอาขนมกรุบกรอบใส่จานมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะเลยจ้า แค่นั้นไม่พอ นั่งกินจนเกือบจะหมด พอพนักงานเห็นว่าจานที่กินพร่องไป นางก็เดินเอาขนมมาเติมให้ถึงที่ แถมที่โต๊ะยังมีน้ำดื่มให้เติมได้ไม่อั้น นี่ขนาดยังไม่ได้เสียเงินให้ร้านสักบาทเดียวนะ
ขนมฟรีที่ทางร้านมีให้ตักได้ไม่อั้นระหว่างรอคิว
ที่ประทับใจไปกว่านั้นคือ เรากับเพื่อนนั่งกินขนมแล้วมีขนมอย่างนึงหน้าตาคล้ายคอนเน่ของบ้านเรา แต่มันอร่อยและเข้มข้นกว่ามาก ทำให้เราเดินไปเติมบ่อยจนแอบกระซิบกับเพื่อนว่าจะแอบเอาใส่ถุงกลับบ้าน (เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะ) ไม่รู้พนักงานอ่านใจเราออกหรือฟังภาษาไทยออกก็ไม่รู้ แปบเดียวนางเดินเอาขนมที่เราชอบ ห่อใส่ถุงมาให้ประมาณ 4-5 ห่อ แล้วมายื่นให้ที่โต๊ะ โดยที่เรายังไม่ได้ร้องขอใดๆ ประทับใจใน Service Mind มากๆ
ขนมที่พนักงานเอาใส่ถุงกลับบ้านมาให้
นั่งรอคิวอยู่ประมาณ 20 นาทีก็ได้เข้าไปในร้าน แทบทั้งชั้นก็คือร้านนี้เนี่ยแหละ โต๊ะเยอะมาก แต่ลูกค้าก็เยอะมากเหมือนกัน ร้านนี้ไม่ใช่ Buffet นะ ต้องสั่งเป็นอย่างๆ ไป มีทั้งหมูและเนื้อ ส่วนน้ำซุปก็เลือกได้ว่าจะเอากี่แบบ (ค่าน้ำซุปก็คิดเงินเหมือนกัน) เมนูที่นี่ไม่มีภาษาอังกฤษ พนักงานพูดอังกฤษไม่ได้ แต่พนักงานยินดีช่วยเหลือเต็มที่มาก พยายามสื่อสารกับเราสุดๆ และก็คอยดูแลเราที่โต๊ะตั้งแต่สั่งอาหาร วิธีการกิน คอยเติมน้ำ ฯลฯ ซึ่งนี่ก็ตกใจนะ ไม่คิดว่าจะเจอการบริการอะไรแบบนี้ที่จีนเหมือนกัน
เราสั่งน้ำซุปไปสองแบบ เป็นซุปหมาล่า (ซึ่งเผ็ดมาก) และซุปข้น มีหอยตลับต้มมาด้วย
ก่อนจะเริ่มกินพนักงานเอาซองพลาสติดมาให้ใส่มือถือกันเปื้อนไว้อีก ดูแลทุกเรื่องจริงๆ
น้ำจิ้มและผลไม้จะมีบาร์ให้บริการตนเองอยู่หลายจุดทั่วร้าน
สำหรับมื้อนี้กินกันอิ่ม หมดค่าใช้จ่ายไปประมาณคนละ 120 หยวน เนื่องจากพนักงานบริการดี เรากับเพื่อนเลยตั้งใจจะให้ทิปเพิ่ม แต่พนักงานไม่รับจ้า ตื๊อยังไงก็ไม่รับ (เราไม่รู้ธรรมเนียมที่นี่เหมือนกันว่าเขาคิดยังไงกับเรื่องนี้) สุดท้ายเพื่อนเลยขอถ่ายรูปคู่กับพนักงานเป็นที่ระลึก เพราะประทับใจมาก 555
ร้านเปิดทุกวัน 24 ชม.
การเดินทาง : MRT Wujiaochang Exit 5
EVERYTHING & NOTHING at YUZ Museum
ช่วงสุดท้ายนี้เราจะพาไปเดินชมงานอาร์ทดีๆ ที่ YUZ Museum ซึ่งตอนนี้มีนิทรรศการที่ชื่อว่า EVERYTHING & NOTHING ผมงานของ RANDOM INTERNATIONAL จากประเทศอังกฤษ ซึ่ง RANDOM INTERNATIONAL เป็นกลุ่มที่เริ่มก่อมาตั้งแต่ปี 2005 โดยศิลปิน คือ Hannes Koch และ Florian Ortkrass เป็นผู้จัดตั้งกลุ่ม มี concept คือ ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมจำลองขึ้นมา เพื่อดูพฤติกรรมของมนุษย์ที่ตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมนั้น ทั้งความรู้สึกนึกคิด การรับรู้ และสัญชาตญาณที่มีต่อสภาพแวดล้อมเหล่านั้น งานนี้ถือเป็น Solo Exhibition ครั้งแรกในเอเชียของ RANDOM INTERNATIONAL ด้วย โดยจะจัดงานที่ YUZ Museum ตั้งแต่ 20 เมษายน ถึง 14 ตุลาคม 2018
หลังจากซื้อตั๋วแล้ว ก็เดินเข้าชมงานได้เลย
ห้ามพกกล้องถ่ายรูปเข้าไป แต่ใช้กล้องมือถือถ่ายรูปได้
ชิ้นงานทุกชิ้นจะเป็นงานที่เราต้องมี interactive กับงานนั้นๆ เช่น ห้องทางซ้ายมือ จะมีแผงไฟ พอเราไปยืนด้านหน้า ไฟจะติดขึ้นมาเสมือนเป็นกระจกที่สะท้อนตัวเรา เวลาเคลื่อนไหว ไฟก็จะเคลื่อนไหวเหมือนตัวเราไปด้วย ส่วนห้องด้านขวาจะมีขวดสเปรย์ กับแม่พิมพ์ ให้เราเอาแม่พิมพ์ไปทาบที่ผนังสีเขียว แล้วเอาสเปรย์ซึ่งฉีดออกมาไม่มีสีไม่มีกลิ่น ฉีดลงไปตามแม่พิมพ์ พอเอาแม่พิมพ์ออกมาก็จะเห็นเป็นรอยสะท้อนแสงตามรูปแม่พิมพ์นั้น
ส่วนห้องที่เป็นไฮไลท์ และเป็นเหตุผลที่เราอยากมางานนี้ก็คือ RAIN ROOM
ห้องนี้จะมีฝนจำลองตกลงมาทั่วห้อง เหมือนสถานการณ์เวลาที่เราเจอฝนตก เราก็มักจะวิ่งเพื่อหลบฝน แต่ห้องนี้ยิ่งเราวิ่งหลบฝน เราจะยิ่งเปียก แต่จะทำยังไงให้ตัวไม่เปียกและยืนถ่ายรูปกลางสายฝนเท่ๆ แบบเราได้ ก็ต้องลองไปชมงานนี้ดูครับ
เดินถ่ายรูปกลางสายฝนได้ โดยไม่เปียก
เปิดวันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) 10.00 – 21.00 น. (เข้าได้ช้าสุด 20.00 น.)
การเดินทาง : MRT Yunjin Road (Line 11) Exit 1 หรือ 2 เดินต่ออีกประมาณ 500 เมตร
เป็นยังไงกันบ้างครับกับเซี่ยงไฮ้ในอีกมุมหนึ่งที่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ ว่าที่จริงแล้วเซี่ยงไฮ้ก็มีความเก๋ ความฮิป ไม่แพ้ที่อื่นเหมือนกัน ใครที่ชอบถ่ายรูป รักการเดินมิวเซียม และงานอาร์ท เซี่ยงไฮ้ก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ไม่ควรพลาด ค่าครองชีพไม่ได้แพงมากเหมือนฮ่องกง หรือ ญี่ปุ่น แถมอาหารการกินก็ดีงาม เรื่องคนจีนหรือห้องน้ำที่เราหวาดกลัว เอาจริงๆ ก็ไม่ได้แย่เท่าที่คิด เหมือนบ้านเราแหละที่มีทั้งคนที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป เอาจริงๆ คนส่วนใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ก็มีมารยาทที่ดี ไม่แทรกแถวแซงคิว (สี่วันที่เราอยู่เจอแซงคิวไม่ถึง 10 คน) ห้องน้ำตามสถานที่ท่องเที่ยวสะอาดพอใช้ได้ ห้องน้ำในห้างหรือร้านอาหารใหญ่ๆ สะอาดดีมากๆ หมดกังวลเรื่องห้องน้ำในภาพจำเก่าๆ ไปได้เลย
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายที่ที่เราหาข้อมูลไว้ว่าน่าสนใจ แต่เวลามีจำกัดเลยไปได้ไม่หมด ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปอีกหลายๆ ครั้ง หรือถ้าใครมีโอกาสได้ไป ลองหาข้อมูลให้ดี จะพบว่าเซี่ยงไฮ้ไม่ได้มีดีแค่ The Bund หรือ Yuyuan Garden เท่านั้น แล้วครั้งหน้าเราจะพาไปเที่ยวที่ไหนอีก รอติดตามกันนะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันครับ 🙂