CONTAX T3 – Mini Review
ในยุคที่กล้องฟิล์มกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ราคากล้องฟิล์มและอุปกรณ์ต่างๆ ก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนหลายๆ รุ่นราคานำกล้อง Digital รุ่นใหม่ๆ ไปไกลมากแล้ว โดยเฉพาะพวกกล้องฟิล์ม Compact ที่เป็นที่นิยมมากขึ้น ไม่ว่าจะเพราะหน้าตากล้องที่ดูน่ารัก ขนาดเล็กเหมาะแก่การพกพา บางรุ่นก็ใช้เลนส์ที่มีคุณภาพดี สามารถปรับตั้งค่าหลายๆ อย่างได้เทียบเท่ากล้องใหญ่หรือที่เรียกกล้องกลุ่มนี้ว่ากล้อง Premium Compact และปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาขึ้นเร็ว เพราะมีดารา นักร้อง หรือ Celebrity หลายๆ คนที่เล่นกล้องฟิล์ม เอามาใช้ถ่ายภาพ หรือถือกล้องเท่ๆ ถ่ายรูปลงใน Social Media ของตัวเอง ก่อให้เกิดกระแสนิยมในกล้องรุ่นต่างๆ มากขึ้น
ครั้งนี้เราจะมาพูดถึงกล้องฟิล์ม Premium Compact ที่จัดว่าเป็นกล้องในฝันของหลายๆ คน และเป็นกล้องฟิล์ม Compact รุ่นที่แพงที่สุดก็ว่าได้ อย่าง CONTAX T3 ที่ราคาค่าตัวเริ่มต้น ณ เวลานี้ (ปี 2019) อยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นกลางๆ สำหรับสีแชมเปญ และ 6 หมื่นบาทขึ้นไปสำหรับสีดำ เพราะอะไรถึงทำให้กล้องรุ่นนี้ราคาพุ่งได้ขนาดนี้ และคุณภาพของภาพที่ได้ จะคุ้มกับราคาค่าตัวหรือไม่ เราจะมารีวิว พร้อมนำรูปที่เราได้ใช้เจ้า CONTAX T3 ตัวเล็กนี้ไปถ่ายในสภาพแสงหลายๆ แบบ มาให้ได้ชมกัน
ใครอยากโดนป้ายยา ตามมาอ่านกันต่อได้เลยครับ…
CONTAX T3 / Fuji PRO400H
CONTAX T3 เปิดตัวในปี 2001 เป็นรุ่นที่ต่อยอดมาจาก CONTAX T2 กล้องฟิล์ม Compact ยอดนิยมอีกรุ่น โดยจุดเด่นที่ T3 แตกต่างจาก T 2 มีคร่าวๆ ดังนี้
- ใช้เลนส์ Zeiss Sonnar T* 35 F2.8 เป็นเลนส์รุ่นใหม่ มี Vignette น้อยกว่า ให้ความคม ใส และ Coating ที่ดีกว่า T2 (T2 เป็นเลนส์ระยะ 38 F2.8)
- มีขนาด body ที่เล็กและบางกว่า
- Focus ได้ใกล้ขึ้น ระยะใกล้สุดคือ 35 cm
- Speed Shutter ได้ไวถึง 1/1,200 จากเดิมใน T2 ได้แค่ 1/500 (ยกเว้นถ้าถ่ายที่ F2.8 จะได้เร็วสุดที่ 1/500)
- สามารถเลือกถ่ายที่ F2.8 ได้เลย (ต่างจาก T2 ที่จะสามารถถ่าย F2.8 ได้เฉพาะใน Mode P เท่านั้น)
- Auto Focus แม่นขึ้นและเร็วขึ้นกว่า T2
- กล้องใช้ถ่าน CR2 เพียง 1 ก้อนเท่านั้น (T2 ใช้ถ่าน CR123)
CONTAX T3 / Fuji Superior 200
การใส่ฟิล์ม / กรอฟิล์ม เป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด ค่า ISO อ่านจาก DX code ได้เลย จะชดเชยแสง +/- สามารถตั้งค่าได้จากเมนูในกล้อง
CONTAX T3 / Kodak Colorplus 200
การใช้งานก็ไม่ยากเลย มองไปใน View finder จะมีจุดตรงกลางเป็นจุดโฟกัส กด Shutter ลงครึ่งหนึ่งเพื่อโฟกัส / recompose แล้วกดย้ำลงไปเพื่อถ่ายรูปได้เลย เหมาะแก่การถ่าย snap / street เป็นอย่างยิ่ง กล้องตัวเล็กๆ แบบนี้ยิ่งไม่เป็นที่สนใจของคนทั่วไปเท่าไรด้วย
CONTAX T3 / Kodak Colorplus 200
การใช้งานของเรา ส่วนใหญ่จะตั้งไว้ที่ Mode P เพื่อให้กล้องคิดให้หมดเลย เพราะสะดวกดี และตัวกล้องเองก็วัดแสงได้ฉลาดมาก
รูปที่ได้จากเลนส์ของ T3 คม Contrast จะเยอะหน่อย และเก็บรายละเอียดได้ดี
CONTAX T3 / Lomography F2 / 400
รูปนี้เราตั้งใจถ่ายย้อนแสง ยังโฟกัสแม่น และเก็บรายละเอียดได้ดีมาก
CONTAX T3 / Kodak E100
ถึงแม้จะมีรูรับแสงกว้างแค่ F2.8 แต่การถ่ายภาพ Portrait ก็ทำได้ดี ลักษณะ Bokeh ก็จะออก Smooth นวลเนียนตามสไตล์เลนส์รุ่นใหม่ๆ ต่างจากเลนส์ของ T2 ที่จะเป็นวง ขึ้นขอบชัดตามสไตล์เลนส์เก่า
CONTAX T3 / Kodak Colorplus 200
ด้วยระยะโฟกัสที่ใกล้เพียง 35 cm ทำให้สามารถถ่ายเน้นวัตถุเพื่อละลายฉากหลังได้ดี
CONTAX T3 / Kodak E100
CONTAX T3 / Kodak Colorplus 200
เรื่อง Distortion มีให้เห็นได้บ้าง จะเป็นลักษณะป่องกลาง โดยเฉพาะเวลาถ่ายจ่อใกล้ๆ
แต่ถ้าถ่ายไกลๆ ก็ไม่ค่อยบวมมากนัก ถ่ายตึก / Interior พอได้อยู่
CONTAX T3 / Fuji PRO400H
สิ่งที่เราชอบมากที่สุดของเจ้า T3 คือ Skin tone และการ render ของเลนส์ Sonnar T* ตัวนี้
ให้สีสันจัดจ้าน อมเหลืองหน่อยๆ เหมาะกับคนชอบใช้ฟิล์มสี
ลองไปชมภาพอื่นๆ ที่เราถ่ายจาก CONTAX T3 ด้วยฟิล์มหลากหลายชนิดกันครับ
CONTAX T3 / Fuji PRO400H
CONTAX T3 / Fuji PRO400H
CONTAX T3 / Fuji Superior 200
CONTAX T3 / Fuji Superior 200
CONTAX T3 / Kodak Colorplus 200
CONTAX T3 / Kodak E100
CONTAX T3 / Kodak E100
CONTAX T3 / Kodak E100
CONTAX T3 / Kodak E100
CONTAX T3 / Kodak E100
และนี่ก็เป็น Mini Review จากการใช้งานจริงของเรา อาจจะไม่ได้รีวิวในส่วนของการใช้งานแฟลช เพราะปกติไม่ค่อยได้ถ่ายด้วยแฟลชเท่าไร และก็ไม่ถนัดในการใช้แฟลชด้วย เลยไม่ได้พูดถึงรายละเอียดในส่วนนี้ สำหรับข้อดีหลายๆ อย่างเราได้กล่าวถึงไปแล้ว โดยส่วนตัวเราค่อนข้างชอบภาพที่ได้จากกล้องและเลนส์ตัวนี้ โดยเฉพาะเรื่องสีสันของภาพ ความคม และการ render จากเลนส์ของ T3 ยิ่งใครที่ชอบถ่ายระยะ 35mm และไม่อยากแบกกล้องตัวใหญ่ กล้องตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์มาก
ส่วนข้อเสียสำหรับเรา หลักๆ เลยคือเรื่องของราคา ที่ต้องบอกว่ามันค่อนข้าง Overprice ไปมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ (แต่ถ้าอยากซื้อเพราะความสะดวกในการพกพา และเรื่องของความเท่ ก็จัดไปได้เลย) และเรื่องที่จะต้องคิดให้เยอะกับการใช้กล้อง Compact ฟิล์มก็คือเรื่องการซ่อม เพราะอะไหล่หายาก และบางอาการอาจซ่อมไม่ได้ ใครที่กำลังหาซื้อกันอยู่แนะนำให้หาตัวที่สภาพดีๆ เวลาซื้อก็ Test กันให้ละเอียดในทุกๆ Function เพราะถ้าเสียแล้วอาจกลายเป็นที่ทับกระดาษราคาแพงไปได้เลย
สุดท้ายนี้ก็หวังว่าเพื่อนๆ ที่กำลังอยากได้กล้องตัวนี้ หรือกำลังหาข้อมูลเพื่อเลือกซื้อกล้อง Compact มาใช้งานสักตัว จะได้ข้อมูลจากรีวิวนี้ไปพอสมควรนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยครับ 🙂