Starbucks Reserve Roastery Nakameguro : Starbucks สาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใจกลางกรุงโตเกียว

OverProject

คงไม่มีใครไม่รู้จักร้านกาแฟชื่อดังอย่าง “Starbucks” ร้านกาแฟสัญชาติอเมริกันที่มีสาขามากมายทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย
หลายคน (รวมถึงเราด้วย) ก็เป็นแฟนคลับของแบรนด์นี้อย่างเหนียวแน่น ด้วยคุณภาพของกาแฟ และรสชาติที่มีมาตรฐาน
ทำให้เวลาไปเที่ยวต่างประเทศก็อดไม่ได้ที่จะต้องหาร้าน Starbucks ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในแต่ละเมือง
เพื่อเข้าไปสัมผัสบรรยากาศ และลิ้มลองเมนูพิเศษของแต่ละประเทศในช่วงเวลานั้นๆ

เมื่อปีก่อนเราได้พาไปชมร้าน Starbucks Reserve Roastery ที่ (เคย) เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
ซึ่งสาขาที่เซี่ยงไฮ้จัดเป็นสาขาแรกของเอเชีย และเป็นเป็นสาขาที่ 2 ของ Starbucks Reserve Roastery ทั่วโลก
มีขนาดใหญ่กว่าสาขาแรกที่เมืองซีแอตเทิลถึง 2 เท่า และจัดว่าเป็นร้าน Starbucks ที่สวยที่สุดในโลกอีกด้วย
จากร้าน Starbucks Reserve Roastery ทั้งหมด 4 สาขา ได้แก่ ซีแอตเทิล, นิวยอร์ก, เซี่ยงไฮ้ และมิลาน

(หากใครอยากชมรายละเอียด ดูจากรีวิวนี้ได้เลยครับ http://www.porsuke.com/2018/12/24/shanghaicafeguide/ )

เมื่อต้นปี 2019 ที่ผ่านมานี้ ทาง Starbucks ได้ทำการเปิด Starbucks Reserve Roastery สาขาที่ 5 ในย่านสุดฮิปอย่าง Nakameguro ใจกลางกรุง Tokyo ซึ่งถือเป็น Starbucks Reserve Roastery สาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลกแทนที่แชมป์เก่าอย่างสาขาเซี่ยงไฮ้ มีพื้นที่ 4 ชั้น รวมทั้งหมด 32,000 ตารางฟุต สามารถผลิตกาแฟได้มากถึง 750 ตันต่อปี โดยสาขานี้ออกแบบโดย Kengo Kuma ซึ่งเคยได้รับรางวัลจากการออกแบบร้าน Starbucks สาขาในเมือง Fukuoka โดยผู้ออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากต้นซากุระ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของญี่ปุ่น และเหมาะกับย่าน Nakameguro ซึ่งเป็นจุดชมซากุระยอดนิยมในเมือง Tokyo

ทั้ง 4 ชั้นในร้าน Starbucks Reserve Roastery Nakameguro ประกอบไปด้วย

ชั้นที่ 1 : STARBUCKS RESERVE (ขายกาแฟและ Bakery)
ชั้นที่ 2 : TEAVANA
ชั้นที่ 3 : ARRIVIAMO BAR
ชั้นที่ 4 : AMU INSPIRATION LOUNGE

ในแต่ละชั้นจะมีความพิเศษอย่างไรบ้าง กดเข้าไปอ่านรายละเอียดตามรูปได้เลยครับ

การเดินทาง : Tokyo Metro – Tokyu Toyoko Line ลงสถานี Nakameguro ออกทาง Exit 1 เดินเลียบคลอง Meguro ไปประมาณ 700 เมตร
เวลาเปิดทำการ : 7:00-23:00 น. ทุกวัน

6210_M2_R1plus200_019

บริเวณด้านหน้าร้าน สาขานี้ใช้การตกแต่งด้วยไม้เป็นหลัก ให้บรรยากาศทั้งด้านนอกและด้านในที่ดูอบอุ่น

LM103638

LM103604

เข้ามาเป็นส่วนของชั้นที่ 1 จะพบกับโซนกาแฟ เป็น Bar ขนาดใหญ่ เพดานสูง ด้านข้างเป็นกระจกใสบานใหญ่
ให้ความรู้สึกโปร่ง สบายๆ เหมาะแก่การนั่งจิบกาแฟ

LM103600

มีที่นั่งรอบบาร์ให้เราได้นั่งชมบาริสต้า drip กาแฟได้อย่างใกล้ชิด
ด้านหลังบาร์เป็นเครื่องคั่วกาแฟขนาดใหญ่ ที่สูงถึง 17 เมตร มีท่อส่งเมล็ดกาแฟที่คั่วเสร็จแล้วไปยังจุดต่างๆ ของร้านด้วย

ss01

LM103669

เดินเข้าร้าน ทางด้านขวาจะเป็นโซนขายของที่ระลึกรวมถึงเมล็ดกาแฟชนิดต่างๆ
Exclusive เฉพาะสาขานี้เท่านั้น

LM103602

ด้านในสุดก่อนเดินขึ้นชั้น 2 จะเป็นโซนขายพวก Bakery อบกันสดๆ ใหม่ๆ
ส่งตรงมาจากร้าน “Princi” ร้าน Bakery ชื่อดังจากมิลาน ประเทศอิตาลี

LM103650

ชั้น 2 เป็นโซน TEAVANA ใครรักการดื่มชา และอยากลิ้มลองรสชาติชาใหม่ๆ แนะนำอย่างยิ่งครับ

LM103653

ชั้น 2 นี้เป็นโซนเล็กๆ มีโต๊ะนั่งประมาณ 4-5 โต๊ะ และสามารถนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ได้
มีเมนูชาพิเศษของที่นี่ให้ได้ลองชิมก่อนสั่งด้วย

LM103655

ชา Strawberry Mint Oolong ที่ทางร้านให้ลองชิม อร่อยมากๆ

LM103635

อีกมุมหนึ่งของชั้น 2 จะมีใบชาขาย ให้กลับไปชงที่บ้านได้

LM103610

มาต่อกันที่ชั้น 3 ความพิเศษของชั้นนี้คือการนำกาแฟ มาผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (และ Non-alcohol)
มีหลากหลายเมนูให้ได้ลองสั่งมาชิมกัน

LM103630

ด้านนอกของชั้น 3 มีระเบียงให้ได้นั่งชมวิวริมคลอง Meguro
ถ้าได้มาช่วงฤดูใบไม้ผลิบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยดอกซากุระ คงสวยงามเหมาะแก่การมาถ่ายรูปมากแน่ๆ

LM103626

Arriviamo Cocktail Bar

LM103620

LM103621

เมนูที่เราได้ลองสั่งมา คือ Espresso Lovers Cherry Cola (ราคา 1,000 เยน)
เป็นเมนูพิเศษเฉพาะของ Starbucks Reserve Roastery เท่านั้น
รสชาติคล้ายกับ Cherry Coke ผสมกับ Espresso Shot แต่มีความนุ่มกว่า และไม่ซ่ามากเหมือนโค้กทั่วไป
ใครดื่มกาแฟไม่เป็นหรือไม่ชอบกาแฟเข้มๆ แก้วนี้ดื่มง่ายมากครับ

LM103617

ปิดท้ายกันที่ชั้น 4 ชั้นบนสุดของร้านที่ดัดแปลงให้เป็น “โรงงานกาแฟ”
และมีพื้นที่ไว้ให้เป็นโซนสำหรับการเรียนรู้เรื่องกาแฟสำหรับลูกค้าด้วย

LM103612

LM103614

มองจากด้านบนจะเห็นว่าเครื่องคั่วกาแฟของที่นี่มันใหญ่มากกกก

LM103661

และนี่ก็คือทั้งหมดของ Starbucks Reserve Roastery สาขา Nakameguro, Tokyo ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเราชอบบรรยากาศและเมนูที่หลากหลายมากกว่าสาขาทั่วไป แม้ว่าราคาอาจจะสูงไปนิด แต่เมื่อเทียบกับประสบการณ์ที่ได้ ก็อยากแนะนำให้ได้แวะมาลองสักครั้ง (แนะนำว่าถ้ามาควรมาแต่เช้านะครับ คนจะได้ไม่เยอะมาก)

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ แล้วไว้เจอกันใหม่ในรีวิวหน้า…สวัสดีครับ 🙂