InterContinental Koh Samui Resort : Best place to stay in Koh Samui
“เกาะสมุย” เกาะที่ได้รับขนานนามว่า “สวรรค์กลางอ่าวไทย” และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ ซึ่งโดดเด่นในเรื่องความสวยงามของท้องทะเล และความเป็นธรรมชาติบนเกาะ ที่สำคัญก็คือ มีโรงแรมสวยๆ บนเกาะสมุยมากมาย ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกมาพักผ่อน
ก่อนจะมาเที่ยวสมุย เราได้หาข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมและรีสอร์ทหลายๆ ที่ เพื่อหาที่ที่น่าจะตอบโจทย์สำหรับการไปพักผ่อนที่เกาะสมุยของเรามากที่สุด และ InterContinental Koh Samui Resort ก็เป็นหนึ่งในโรงแรมที่เราเลือกมาพักในทริปนี้ เพราะจุดเด่นของที่นี่ คือ วิวทะเลสุดอลังการจน New York Times ยกให้เป็น “One of 1,000 Places to Visit in Your Lifetime” และที่สร้างความประทับใจเกินความคาดหมายของเรามากๆ คือ การบริการจากพนักงานตลอดการเข้าพัก 2 วัน 1 คืนของเราที่นี่ จนเราอยากจะนำประสบการณ์และบรรยากาศของ InterContinental Koh Samui Resort มาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน และด้วยสถานการณ์ในช่วงนี้ทำให้ราคาโรงแรมถูกลงมาก เรียกได้ว่าคุ้มสุดๆ แล้วที่จะมาลองสัมผัสบรรยากาศที่นี่ดูสักครั้ง รับรองเลยว่าจะได้รับความประทับใจกลับไปอย่างที่เราได้รับมาแน่นอน
ใครสนใจจะมาพักที่นี่ ลองเข้าไปดูรายละเอียดได้จาก Facebook : InterContinental Koh Samui Resort
ส่วนรายละเอียดของ InterContinental Koh Samui Resort จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ตามเข้ามาอ่านกันได้เลยครับ
บรรยากาศบริเวณ Lobby
InterContinental Koh Samui Resort ตั้งอยู่บริเวณหาดตลิ่งงาม ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะสมุย หากเดินทางมาด้วยเรือ Ferry จากท่าเรือดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี แนะนำให้เดินทางด้วยเรือของบริษัท ราชาเฟอร์รี่ เพราะท่าเรือตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม (ประมาณ 3 ก.ม. จากท่าเรือ) แต่หากเดินทางมาด้วยเครื่องบินลงที่สนามบินสมุย จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที เพราะโรงแรมตั้งอยู่คนละฝั่งกับสนามบิน บริเวณใกล้โรงแรมไม่มีร้านสะดวกซื้อ หากใครกังวลเรื่องราคาอาหาร/เครื่องดื่มภายในโรงแรม แนะนำให้เตรียมมาให้พร้อมก่อนจะข้ามเรือมาที่เกาะสมุยครับ
เนื่องจาก Lobby และห้องพักส่วนใหญ่ของโรงแรมจะตั้งอยู่บนเนินเขา เมื่อขับรถมาถึงบริเวณทางเข้าโรงแรมจะมีจุดจอดรถให้ แล้วจะมีรถบัคกี้รับส่งภายในโรงแรมมารับเราไปที่ Lobby เพื่อ check-in พอเข้ามาภายใน Lobby ก็จะเจอวิวทะเลสุดอลังการรอต้อนรับพวกเราอยู่
Welcome drink ของโรงแรมเป็นน้ำมะพร้าวผสมตะไคร้ รสชาติหวานหอม ดื่มแล้วสดชื่นมาก
ห้องพักที่เราจองมา คือห้อง Club King Ocean View Room ซึ่งเป็น Room type แรกที่สามารถใช้ Club Benefits ได้ ราคาห้องพักในช่วงนี้ (เดือนสิงหาคม 2020) คือ 8,800 บาท/คืน และเรายังสามารถใช้ส่วนลดอีก 40% จากโครงการเราเที่ยวด้วยกันของรัฐบาล (ลดสูงสุด 3,000 บาท/ห้อง/คืน) ทำให้เราคาห้องพักที่เราจองมานั้น เหลือเพียง 5,800 บาท/คืน เท่านั้น
ส่วนใครที่งบน้อยแต่อยากมาพักที่นี่ ห้องเริ่มต้นของโรงแรม คือ Resort Classic Room ราคาหักส่วนลดแล้ว เหลือเพียง 2,520 บาท/คืน เท่านั้น แต่ถ้างบถึงเราแนะนำให้จองห้อง Club ไปเลย เพราะ Club Benefits ที่เราได้คุ้มค่ามากๆ เริ่มกันที่การเข้าใช้ Club Lounge ซึ่งอยู่ตรง Lobby นี่แหละ ที่เราสามารถสั่งเครื่องดื่มชา กาแฟ และ Soft drink ต่างๆ มาดื่มได้ไม่อั้น และมีวิวทะเลแบบ Panorama ให้ได้นั่งชมกันทั้งวันด้วย
วิวจาก Lobby มองเห็นชายหาด และห้องพักแบบวิลล่าบริเวณด้านล่างของโรงแรม
ก่อนจะพาไปชมบริเวณรอบๆ และ Facility ต่างๆ ของโรงแรม เรามาชมห้องพักที่เราจองมากันก่อนดีกว่าครับ ห้องพักที่เราจองมา คือ ห้อง Club King Ocean View Room โดยห้องพัก Room type นี้จะอยู่ชั้นบนสุดของอาคารที่อยู่ติดกับ Lobby ของโรงแรม ทำให้ไม่ต้องเดินไกล ห้องที่เราได้คือห้อง 106 ซึ่งข้อดีของห้อง Room type นี้ คือ วิวทะเลแบบเต็มๆ ไม่มีอะไรกั้น เพดานห้องสูงทำให้บรรยากาศภายในห้องดูโปร่ง และสามารถมองเห็นวิวทะเลได้จากที่นอนเลย
บริเวณปลายเตียงมีโซฟาให้นั่งชมวิวทะเล ด้านหลังเป็นห้องน้ำ แยกห้องสุขาและโซนอาบน้ำเป็นสัดส่วนดี ภายในห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีดำ ตัดกับผนังและบานหน้าต่างสีขาวดูคลาสสิคดี
มี Postcard ต้อนรับ รายละเอียดการใช้สิทธิ Club benefits และ Welcome Fruits กับ Macaron มาต้อนรับ Soft drinks ที่อยู่ในตู้เย็นนอกจากน้ำเปล่าแล้ว สามารถดื่มได้ฟรี ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และขนม
Amenities ภายในห้อง Club ใช้แบรนด์ HARNN ซึ่งเป็นแบรนด์หลักของสปาที่นี่ด้วย
ภายในห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำและ Bubble bath ให้ได้นอนแช่น้ำฟินๆ
ด้านนอกระเบียงมี Sofa bed และโต๊ะให้นั่งจิบกาแฟ พร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลกันได้สบายๆ
เอาสัมภาระไปเก็บในห้องพักเรียบร้อยแล้ว ได้เวลามาใช้สิทธิ์ที่ Club Lounge กันครับ โดยเริ่มตั้งแต่ 14.00 – 16.00 น. เราจะมานั่งจิบชายามบ่าย โดยจะได้รับ Afternoon tea 1 เซ็ท และเครื่องดื่มที่สามารถสั่งเพิ่มเติมได้ตลอดจนถึงช่วงเย็น
เมนูขนมในเซ็ท Afternoon tea ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แล้วแต่วัน ส่วนเครื่องดื่มมีทั้งชา กาแฟ น้ำผลไม้ ให้ได้เลือกสั่ง เราได้สั่งชาร้อนมา 1 กา และกาแฟเย็นมา 1 แก้ว ทานคู่กับเซ็ท Afternoon tea ทานหมดเซ็ทนี้ก็อิ่มจนถึงมื้อเย็นกันเลยแหละ
จิบชาไป ชมวิว รับลมทะเลไปด้วย มันดีอย่างนี้นี่เอง
อิ่มท้องแล้วก็ได้เวลาเดินสำรวจโรงแรมกันครับ โดยบริเวณติดกับ Lobby จะเป็นสระว่ายน้ำ สระนี้เป็น 1 ใน 6 สระ และเป็นมุม Signature ของโรงแรมก็ว่าได้ เพราะเป็น infinity pool ที่มองเห็นวิวทะเลและวิวสวนมะพร้าวที่อยู่ด้านล่างด้วย โดยจุดนี้แนะนำให้มาถ่ายรูปในช่วงเช้า เพราะพระอาทิตย์จะขึ้นมาด้านหลังภูเขา สวยงามสุดๆ ครับ
Instagramable spot ใครมาแล้วไม่ได้ถ่ายรูปมุมนี้ถือว่ามาไม่ถึงนะ
วิวท้องทะเลและสวนมะพร้าวในยามเช้า
พระอาทิตย์โผล่พ้นทิวเขาขึ้นมา เป็นภาพที่สวยงามมากๆ
ก่อนจะพาไปชมไฮไลท์ช่วงพระอาทิตย์ตก เราจะพาไปทัวร์รอบๆ โรงแรมกันก่อนครับ
ด้วยเนื้อที่ที่กว้างมากของโรงแรม และการตั้งของวิลล่าและห้องพักต่างๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ตามเนินเขา ไล่ลงมาจนถึงบริเวณริมหาด ทำให้เราไม่สามารถเดินชมด้วยตัวเองได้ทั้งหมด วิธีการเดินชมโรงแรมของเราจึงต้องเรียกรถบัคกี้ให้พาไปที่จุดสูงสุดของโรงแรมก่อน นั่นก็คือบริเวณ Spa ซึ่งการจะมาใช้บริการ Spa ของที่นี่แนะนำให้โทรจองล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนมาเข้าพัก เพราะเต็มเร็วมาก โดยเฉพาะวันหยุด
บริเวณทางเข้า BAAN THAI SPA by HARNN
บริเวณด้านในของ Spa อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างดี
(ไม่ได้เข้าไปถ่ายรูปด้านในให้ชม เพราะวันนั้นมีแขกเข้าใช้บริการเต็มทุกห้อง)
บรรยากาศทางเดินระหว่างเดินลงจาก Spa
เดินลงมาจาก Spa จะเจอสระว่ายน้ำ อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าในโรงแรมมีสระว่ายน้ำทั้งหมด 6 สระด้วยกัน โดยสระแรกอยู่ที่บริเวณ Lobby ส่วนอีก 5 สระที่เหลือจะอยู่กระจัดกระจายไปในบริเวณต่างๆ ของโรงแรม เพื่ออำนวยความสะดวกให้แขกที่เข้าพัก จะได้ไม่ต้องเดินมาที่สระบริเวณ Lobby และจะได้ไม่แอดอัดกันจนเกินไป โดยสระแรกที่เราแวะมาคือ Tawan Pool หรือ Yellow Pool
เดินตามทางมาอีกหน่อย จะเจอสระที่สอง คือ Chantra Pool หรือ Orange Pool
สระที่ 3 คือ Dara Pool หรือ Blue Pool เป็นสระที่เราชอบรองจากสระที่ Lobby เลย
เพราะว่าอยู่ในมุมที่ค่อนข้าง Private และได้เห็นวิวทะเลจากมุมสูงด้วย
วิวทะเลจาก Blue Pool
สระที่ 4 Sonthaya Pool หรือ Red Pool
จากโซนที่พักบนเนินเขาหากมีแรงมากพอ สามารถเดินลงบันไดไปที่ชายหาดด้านล่างได้
ระหว่างทางเดิน ก็แวะถ่ายรูปวิวทะเลสวยๆ ได้
มองลงไปจะเจอส่วนของที่พักที่ติดกับชายหาด และสระว่ายน้ำอีกสระที่เราจะลงไปชมกัน
สระว่ายน้ำสระสุดท้าย คือ Beach Pool อยู่ติดกับชายหาด สระนี้จะมีสระสำหรับเด็ก
มองออกไปจาก Pool bed จะเห็นสระว่ายน้ำ Blend ไปกับหาดทรายและท้องทะเล
มองย้อนขึ้นไปจาก Beach Pool ก็จะเห็นห้องพักที่อยู่บนเนินเขาและ Lobby ด้านบน
ด้านขวาของสระว่ายน้ำ เป็นร้านอาหาร “Flames” ร้านนี้จะเป็นอาหาร International นะครับ ถ้าจะสั่งอาหารไทยแนะนำร้านอาหาร “Amber” ซึ่งอยู่ใกล้กับ Lobby ไว้จะพาไปชมในภายหลังครับ
เดินถัดจาก Beach Pool ไปจะเจอกับ Private Pier เป็นสะพานไม้ทอดยาวออกไปในทะเล น่าเสียดายช่วงที่เราไปกำลังปิดปรับปรุงอยู่ เลยไม่ได้ขึ้นไปเก็บภาพมาให้ชมกัน
ตรงข้ามกับ Private Pier จะเป็น Fitness Center ครับ มีเครื่องเล่นครบครัน ที่เด็ดกว่านั้นคือวิวจาก Fitness ครับ
ออกกำลังกายไป ชมวิวทะเลไปด้วย
นอกจากกิจกรรมใน Fitness แล้ว ยังสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ด้วย เช่น Paddle Board หรือพายเรือคายัค โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำการใช้งานให้ด้วย และที่สำคัญ ฟรีทุกกิจกรรมครับ
ชมบริเวณรอบๆ โรงแรมเสร็จแล้ว เราจะพากลับไปชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน
ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่กันครับ โดยระหว่างทางกลับจะเดินผ่านสะพานแขวนนี้ อย่าลืมแวะถ่ายรูปด้วยนะ
“Air bar” ขอยกให้ที่นี่เป็นบาร์ที่วิวพระอาทิตย์ตกดีงามที่สุด นอกจากแขกที่เข้าพักจะมานั่งดื่มที่นี่ได้ แขกภายนอกก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้เช่นกัน ดังนั้น ควรโทรจองที่นั่งก่อนมาพักนะ ไม่งั้นจะพลาดได้ที่นั่งดีๆ แบบเรา
บรรยากาศดีแค่ไหนให้ภาพบรรยายแล้วกัน
เนื่องจากที่นั่งตรง Air bar โดนจองเต็มหมดแล้ว เราเลยมานั่งทานมื้อเย็นที่ห้องอาหาร Amber ซึ่งอยู่ติดกัน ห้องอาหารนี้จะเสิร์ฟอาหารไทย และเป็นห้องอาหารที่เราจะมาทานมื้อเช้าที่นี่ด้วย
มื้อเย็นของเรา ระหว่างรอไปดื่ม Digestif Cocktails ที่ Air bar
20.30 – 22.30 เป็นเวลาที่เราสามารถใช้ Club benefits ที่ Air bar เพื่อสั่ง Digestif cocktails
และเซ็ทขนม + canapes มาทานแกล้มได้ฟรี สั่งกี่แก้วก็ได้ ดื่มกันให้คุ้มไปเลย
Signature Cocktails
ช่วงเช้า เราจะลงมาทานมื้อเช้าแบบ Buffet กันที่ห้องอาหาร Amber นะครับ โดยจะมีพนักงานมารอรับ Order อาหารและเครื่องดื่มพวกชา – กาแฟ และมีไลน์ Buffet ให้เราเดินเข้าไปสั่ง (ไม่ต้องตักเองนะ) ซึ่งถือว่าทางโรงแรมจัดการรักษาความสะอาดได้เป็นอย่างดี และทุกคนที่มาต้องใส่ Mask ก่อนเข้ามาด้านในด้วยนะ
ไลน์ Buffet มีพนักงานคอยรับ Order และตักให้เรา สะดวกสบายมาก
วันที่เราไปพักมื้อเช้ามีก๋วยเตี๋ยวด้วยนะ อยากใส่อะไรจัดเต็มแค่ไหน แจ้งพนักงานได้เลย
มื้อเช้าของเรา
จากประสบการณ์ที่เราได้ไปเข้าพักมา จะขอสรุปข้อดี – ข้อเสียของโรงแรม ดังนี้
ข้อดี
- วิวสวยมาก แค่เห็นวิวก็คุ้มค่าคุ้มราคาแล้ว
- การบริการและมารยาทของพนักงานทุกคนดีมาก มีความใส่ใจแขกที่เข้าพักดี ยิ้มแย้มแจ่มใสทุกคน
- ราคาตอนนี้คือคุ้มมากๆ รีบมากันเถอะก่อนที่ราคาจะกลับไปเป็นปกติ
- Club Benefits คือสิ่งที่คุ้มมาก หากยังไม่จองแนะนำให้จองห้อง Club แล้วใช้เวลาอยู่ในโรงแรมให้เต็มที่
- การตกแต่งโดยรวมสวยงาม คลาสสิค ดูดีมีชาติตระกูล
- มีความเป็นส่วนตัวสูง เหมาะแก่การมาพักผ่อน
ข้อเสีย
- การเดินทางภายในโรงแรมต้องเดินขึ้นลงเยอะ ผู้สูงอายุอาจเหนื่อยหน่อย แต่ยังดีที่มีรถบัคกี้ให้เรียกได้ตลอด
- บริเวณรอบๆ และใกล้เคียงโรงแรมมีความเป็นชนบท ไม่มีร้านสะดวกซื้อหรือร้านอาหารในละแวกนั้น ต้องขับรถออกมาพอสมควร
- อาหารในโรงแรมราคาค่อนข้างสูง
และนี่ก็คือภาพรวมทั้งหมดของ InterContinental Koh Samui Resort ซึ่งเรายกให้เป็น 1 ใน Top 10 โรงแรมที่เราชอบมากๆ อีกโรงแรมหนึ่ง หากมีโอกาส แนะนำว่าต้องลองไปพักสักครั้งนะครับ แล้วจะรู้ว่าการได้รับบริการที่ดีระดับ 5 ดาวนั้น เป็นอย่างไร แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามกันเสมอมาครับ