RAYA HERITAGE : โรงแรมสไตล์ล้านนาริมแม่น้ำปิง ที่มีดีมากกว่าดีไซน์
“เงียบสงบ สวยงาม บริการประทับใจ”
ที่กล่าวมา คือ ความรู้สึกหลังของเราหลังจากได้มาพักที่ “RAYA HERITAGE” โรงแรมสไตล์ล้านนาที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง ในเขตตำบลดอนแก้ว ซึ่งอยู่ระหว่างอำเภอเมืองเชียงใหม่กับอำเภอแม่ริม นอกจากการออกแบบของโรงแรมที่สวยงามและสะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่นได้เป็นอย่างดีแล้ว การบริการที่ดีเยี่ยมและการเลือกใช้งานหัตถกรรมพื้นบ้านมาเป็นของตกแต่ง ภายในโรงแรม ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจและอยากแนะนำที่นี่ให้ทุกคนได้มาลองพักดูสักครั้ง ส่วนรายละเอียดและความดีงามของ “RAYA HERITAGE” จะเป็นอย่างไรบ้าง ตามมาอ่านกันต่อได้เลยครับ
บริเวณทางเข้า Lobby
RAYA HERITAGE เป็นโรงแรมในเครือบริษัทพรีเมียร์ รีสอร์ทส์ แอนด์ โฮเทลส์ จำกัด เจ้าของเดียวกับ รายาวดี โรงแรมหรูชื่อดังบนหาดไร่เลย์ จังหวัดกระบี่ และ แทมมาริน วิลเลจ โรงแรมบูทีคแห่งแรกในเมืองเชียงใหม่ เมื่อดูจากผลงานที่ผ่านมาจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในทุกรายละเอียดของ RAYA HERITAGE ถึงได้ดีงามขนาดนี้
ขับรถออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 20 นาที เราก็มาถึงโรงแรม RAYA HERITAGE บรรยากาศตั้งแต่บริเวณทางเข้าของโรงแรมรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ให้ความรู้สึกร่มรื่นและเงียบสงบ เหมาะแก่การมาพักผ่อนอย่างมาก
เดินเข้ามาบริเวณ Lobby จะพบกับต้นไม้ใหญ่ทั้งยืนต้นสูงตระหง่านคอยต้อนรับแขกที่มาเข้าพัก
ด้านหลังของต้นไม้เป็นสนามหญ้าที่ทอดลงไปสู่บริเวณแม่น้ำปิงด้านหลัง
โซฟาบริเวณ Lobby เป็นมุมที่ใครมาถึงก็ต้องถ่ายรูปกันทุกคน
ด้านหลังที่นั่งฝั่งนี้จะเป็นห้องอาหารคุข้าว ซึ่งเป็นห้องอาหารหลักของที่นี่ และมีลิฟท์สำหรับขึ้นไปยังห้องพักชั้น 2
บรรยากาศบริเวณ Lobby
ระหว่างรอ Check-in พนักงานจะนำ Welcome drink พร้อมผ้าเย็นมาต้อนรับ
จัดการเรื่อง Check-in เรียบร้อยแล้ว ได้เวลาไปชมห้องพักของเรากันบ้างครับ สำหรับห้องพักของที่นี่ตั้งอยู่บนอาคาร 3 ชั้น มีห้องพักทั้งหมด 33 ห้อง โดยห้องพักทุกห้องจะมองเห็นวิวของแม่น้ำปิงได้ แบ่งออกเป็น 3 Room type ได้แก่
1. Rin Terrace Suite เป็นห้องเริ่มต้นของที่นี่ อยู่ชั้น 2
2. Huen Bon Suite เป็นห้องที่เราเลือกพัก อยู่บนชั้น 3
3. Kraam Pool Suite เป็นห้อง Pool Villa ตั้งอยู่บริเวณชั้นล่าง เป็นห้องที่มีพื้นที่มากสุดและราคาแพงที่สุด
แต่ละห้องจะมีการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ และผ้าที่มีสีสันแตกต่างกันไป ในรีวิวนี้เราจะรีวิวเฉพาะห้อง Huen Bon Suite ซึ่งเป็น Room type ที่เราพักเท่านั้น (เพราะมีเงินมาพักแค่ห้องเดียวจ้า 555 ใครสนใจห้องแบบอื่นลองไปหารีวิวดูนะ)
ทางเดินระหว่างไปห้องพัก
พนักงานพาเราขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 2 เพื่อเดินไปยังห้อง 309 ซึ่งเป็นห้องพักของเราในคืนนี้ สาเหตุที่ต้องขึ้นมาที่ชั้น 2 ก่อนเพราะว่าห้องพักชั้น 3 แต่ละห้อง จะมีบันไดแยกขึ้นไป และไม่ได้เชื่อมต่อกันยาวเหมือนบริเวณห้องพักชั้น 2 ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
Postcard ต้อนรับจาก GM ของโรงแรม
เปิดประตูห้องพักเข้ามาจะเจอกับระเบียงห้อง
ซึ่งจัด Day bed ไว้ให้นอนชมวิวแม่น้ำปิง พร้อม Welcome Fruit ที่ตั้งไว้ต้อนรับ
ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ ด้านล่างมีตู้เย็นและอุปกรณ์สำหรับชงชา / Drip Coffee และ Minibar
(มีชา กาแฟ และน้ำดื่มฟรี 2 ขวด)
ที่เราชอบมาก คือ ทางโรงแรมจะจัดชาสมุนไพรไว้ให้ในกล่องไม้ พร้อมใบแนะนำสรรพคุณของชาแต่ละแบบให้เราได้เลือกชงเลือกชิมได้ตามใจชอบ ส่วนใครชอบดื่มกาแฟก็มีอุปกรณ์สำหรับ Drip Coffee ไว้ให้ด้วย เอามาเป็นพร็อบถ่ายรูปเก๋ๆ ก็ได้นะ
นอนชมวิวแม่น้ำปิงจากระเบียงห้องได้เลย
บรรยากาศภายในห้องพักแบบ Huen Bon Suite
เข้ามาชมด้านในห้องพักของเรากันบ้าง เหตุผลที่เราเลือกห้องพัก Type นี้ เพราะว่าเป็นห้องที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม ทำให้ได้เพดานสูงส่งผลให้ห้องดูกว้างและโปร่งมากขึ้นเมื่อเทียบกับห้องที่อยู่ชั้นสอง รวมถึงได้ Take view แม่น้ำปิงจากริมระเบียงได้ชัดเจนกว่า และสีที่ใช้ในการตกแต่งห้องนี้คุมโทนด้วยสีขาว ครีม น้ำตาล ซึ่งเป็นโทนสีที่เราชอบมากกว่าสีน้ำเงินครามที่ใช้ในห้อง Pool Villa ชั้นล่าง ส่วนห้อง Pool Villa แม้ว่าจะมีขนาดห้องใหญ่สุด แต่เพื่อความ Private ของแขกที่เข้าพักจึงมีรั้วล้อมรอบบริเวณห้องพักทั้งหมด ทำให้ไม่เห็นวิวอะไร เราเลยตัดสินใจจองห้องนี้
ด้านหลังเตียงนอนจะเป็นส่วนของห้องน้ำและ Walk-in Closet เตียงและหมอนนุ่มระดับ 10 ดูดวิญญาณสุด
จุดที่เราชอบมาก คือ บริเวณหัวเตียงทั้ง 2 ฝั่งมีแผงสวิตช์ไฟ ซึ่งจะมีคู่มือแนะนำว่าแต่ละอันเป็นไฟจุดไหนบ้าง
ส่วนแรกจะเป็นบริเวณอ่างล้างหน้า และ อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ เป็น Open Space
แต่ถ้ามากับเพื่อนก็สามารถปิดบานเลื่อนระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำได้
ถัดมาด้านในจะเป็นห้อง Shower และห้องสุขาแยกกัน มีสายชำระให้ด้วย
Amenities ที่ทางโรงแรมให้มีความออแกนิค และมีกลิ่นหอม ที่เราชอบมากๆ คือแชมพูและ Body Lotion
Walk-in Closet ทางโรงแรมมีกระเป๋าผ้าและหมวกสานให้ใช้ระหว่างเข้าพักด้วย
มุมห้องมีชุดเก้าอี้ไม้และโต๊ะเล็กๆ สำหรับไว้นั่งพักผ่อน
ช่วงเย็นพนักงานจะเข้ามา Turn down พร้อมขนมหวานมาให้คนละชิ้น
ลักษณะคล้ายกับขนมกล้วยแต่ทำจากมันม่วง
เก็บของไว้ที่ห้องเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเดินชมบริเวณรอบๆ โรงแรมกันครับ จุดแรกที่เราจะพาไป คือ สระว่ายน้ำ ซึ่งอยู่บริเวณริมแม่น้ำปิง จะมีบันไดที่สามารถเดินลงมาจากห้องพักได้เลย การตกแต่งรอบๆ ทางเดินใช้วัสดุจากธรรมชาติ และมีความกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบๆ เห็นใบไม้เขียวๆ ในวันฝนพรำแบบนี้สดชื่นดีครับ
สระว่ายนี้ที่นี่เป็นสระน้ำเกลือ ตกแต่งอย่างเรียบง่าย น้ำลึกประมาณ 1.2 เมตร
เดินจากสระว่ายน้ำย้อนมาทาง Lobby จะเจอกับห้องอาหารคุข้าว ซึ่งเราจะมาทานอาหารเช้ากันที่นี่ครับ
บรรยากาศภายในห้องอาหารคุข้าว
เราชอบการเลือกใช้วัสดุและงานหัตถกรรมของท้องถิ่นมาใช้เป็นหัวใจหลักของการตกแต่ง
Breakfast สำหรับแขกที่เข้าพักจะมีให้สั่งเป็น A la carte แต่สามารถสั่งเพิ่มได้เรื่อยๆ โดยอาหารจานหลักจะมีให้สั่งทั้งอาหารไทยและ American Breakfast อย่างเมนูที่เราสั่งมา คือ ข้าวมันไก่, Mango & Coconut Yoghurt Bowel และเซ็ตข้าวต้มกุ๊ยพร้อมกับข้าว 4 อย่าง ส่วนเครื่องดื่มก็มีชาหลากหลายชนิด และกาแฟทั้งร้อนและเย็น
เมนูของหวานที่แนะนำให้สั่งมาลองชิมคือ Signature Pancake ครับ หน้าตาดีแถมยังอร่อยด้วย
นอกจากห้องอาหารคุข้าวแล้ว ในช่วงเย็นสามารถมารับประทานอาหารเย็นได้ที่บาร์ “บ้านท่า” บาร์สีดำดีไซน์เท่ แต่ยังคงความเป็นล้านนา อยู่บริเวณชั้น 1 ใกล้กับ Lobby ของโรงแรม ช่วงที่เราไปมีโปรโมชั่นเครื่องดื่ม 1 แถม 1 และสามารถใช้ส่วนลดจาก E-Voucher ของโครงการเราเท่ียวด้วยกันได้อีก คุ้มสุดๆ
ซ้าย : Baan Ta Ginto ขวา : Baan Ta เมนู Signature Cocktail ชื่อเดียวกับบาร์
ใช้โปร 1 แถม 1 ได้ลองชิมทั้งสองแก้วไปเลย คุ้มมาก
ต่อไปเราจะพาไปชมห้องอาหารอีกห้องหนึ่งที่บริเวณชั้น 2 ของโรงแรมกันครับ
บริเวณนี้ คือ “ลานชา tea room” ห้องอาหารที่อยู่บนชั้นสองของโรงแรม เสิร์ฟ Afternoon tea สำหรับแขกที่เข้าพักและแขกภายนอกที่อยากเข้ามาจิบชา ชมวิวแม่น้ำปิง ก็สามารถมาใช้บริการได้เช่นกัน โดยจะเริ่มเสิร์ฟตั้งแต่ 11.00 น.ถึง 16.00 น. และที่สำคัญในช่วงนี้ทางโรงแรมมีโปรโมชั่น Afternoon tea set สำหรับ 2 คน ราคา 690 บาท net และยังสามารถใช้ E-Voucher จากโครงการเราเที่ยวด้วยกันมาเป็นส่วนลดได้อีก 40% ถึงไม่ได้มาเข้าพักที่โรงแรม ก็สามารถแวะมาจิบชา ถ่ายรูปสวยๆ กันได้
เมนูขนมและของทานเล่นสำหรับ Afternoon tea set สามารถสั่งเครื่องดื่มได้คนละ 1 แก้ว และขนม 6 เมนู (ได้เมนูละ 2 ชิ้น)
หน้าตา Afternoo tea set ของเรา เสิร์ฟมาแบบไทยๆ
ดื่มชา กาแฟ พร้อมชมวิวไปด้วย บรรยากาศดีสุดๆ
ติดกับลานชา คือ “ไอว่านสปา” สปาของโรงแรมซึ่งมีคอร์สสำหรับสปาหลายแบบให้เลือก
แต่เนื่องจากเรากลับมาโรงแรมตอนที่สปาปิดไปแล้ว เลยไม่ได้พาเข้าไปชม
เดินต่อมาใกล้กับลิฟท์ที่ชั้น 2 เป็น Fitness ของทางโรงแรม พื้นที่ไม่ใหญ่นักแต่อุปกรณ์ครบครัน
สามารถมองลงไปเห็นวิวบริเวณลานจอดรถและร้านขายของที่ระลึกด้านล่าง
ปิดท้ายกันที่ร้านขายของที่ระลึก “ฮิมกอง” ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของโรงแรม ใกล้กับลานจอดรถ ที่นี่มีของที่ระลึกต่างๆ ที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านและเป็นงานหัตถกรรมท้องถิ่นให้คนที่สนใจอยากหาซื้อสินค้าที่เป็นงาน Craft ดีๆ กลับไปใช้หรือฝากคนที่คุณรักได้ ตัวร้านจัด Display ได้สวยมาก และยังคุมโทนได้เข้ากับโรงแรมอีกด้วย
สำหรับใครที่สนใจอยากมาเข้าพักที่ RAYA HERITAGE ในช่วงนี้ต้องบอกว่าราคาดีมากๆ เพราะนอกจากโรงแรมจะลดราคาลงมาถูกกว่าปกติแล้ว ภายใน 31 ต.ค. นี้เรายังสามารถใช้ส่วนลดของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อลดราคา on top ไปได้อีก
ราคาห้องพัก รวมอาหารเช้า 2 ท่าน (เข้าพักก่อน 31 ต.ค.63 ยังไม่รวมส่วนลดเราเที่ยวด้วยกัน)
Rin Terrace Suite ราคา 5,500 บาท
Huen Bon Suite ราคา 6,400 บาท
Kraam Pool Suite ราคา 6,400 บาท
อย่างที่เราเลือกเข้าพักห้อง Huen Bon Suite และใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกัน (ต้องโทรไปจองกับโรงแรมโดยตรง) หักส่วนลดแล้วเหลือราคา 3,840 บาท/คืน แถมยังได้ E-Voucher ไว้ใช้จ่ายภายในโรงแรมได้อีก 600 บาท คุ้มมากจนไม่รู้ว่าจะได้พักราคานี้อีกไหม ใครสนใจอยากไปลองพักที่นี่แนะนำให้ไปช่วงนี้กันนะครับ เพราะราคาดีมากจริงๆ
และจากประสบการณ์ที่ได้ไปเข้าพักมา 2 วัน 1 คืน และได้ใช้บริการในส่วนต่างๆ ของโรงแรม จึงอยากจะมาสรุปข้อดี-ข้อเสีย ดังต่อไปนี้ครับ
ข้อดี
- โรงแรมดีไซน์สวยถูกใจเรามากๆ ทั้งบริเวณส่วนกลางของโรงแรมตั้งแต่ Lobby ห้องอาหารต่างๆ รวมถึงในห้องพักของเราก็มีมุมสวยๆ เยอะแยะเต็มไปหมด ใครชอบถ่ายรูปรับรองว่าหามุมถ่ายรูปกันได้เพลินๆ ทั้งวัน
- บริการดีมากกกกกกกกกกกกก แม้จะไม่ได้บริหารด้วย Chain โรงแรมต่างชาติใหญ่โต แต่จากประสบการณ์ที่เคยไปพักโรงแรม 5 ดาวที่บริหารโดยบริษัทของไทย ก็ยังไม่เคยเจอที่ไหนที่เทรนพนักงานได้ดีมากขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานระดับใดก็ตาม แค่คุณเดินผ่าน พนักงานก็จะยกมือไหว้ ยิ้มแย้มทักทายให้เสมอ พนักงานที่ Front สามารถจำชื่อ และห้องพักของเราได้ ซึ่งก็ต้องบอกว่าเหนือความคาดหมายมากที่ได้รับบริการที่ดีขนาดนี้
- ของใช้ภายในห้อง และ Minibar ต่างๆ ที่โรงแรมจัดมาให้ (ส่วนที่ใช้ฟรี) เป็นของคุณภาพดี สมราคามากๆ
- บรรยากาศของโรงแรมเหมาะแก่การมาพักผ่อน แม้ช่วงที่เรามาพักจะเป็นวันหยุด มีแขกเข้าพักเยอะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าบรรยากาศจะวุ่นวายจอแจ ยิ่งในห้องพักยิ่งเงียบสงบสุด เหมาะแก่การมาพักกายพักใจ
ข้อเสีย
- การเดินทางสำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวค่อนข้างลำบาก บริเวณรอบๆ โรงแรมไม่ได้มีร้านค้าหรือร้านอาหารที่อยู่ในระยะเดินไปได้ และอยู่ไกลจากตัวเมืองพอสมควร แต่ก็ทดแทนด้วยห้องอาหารและบาร์ภายในโรงแรม คือ ถ้าไม่ได้มีรถมา การมาพักที่นี่ก็คือการมาพักผ่อนภายในโรงแรมอย่างเต็มที่จริงๆ
- ราคาปกติที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับโรงแรม 5 ดาวที่อื่นๆ ในเชียงใหม่ แต่สำหรับเราแล้วการบริการและการคัดสรรสิ่งต่างๆ ที่ให้กับแขกก็ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆ
และนี่ก็คือประสบการณ์ประทับใจที่เราได้มาพักที่ RAYA HERITAGE ก็หวังว่าข้อมูลที่เรานำมาแชร์จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ที่สนใจอยากจะมาลองพักที่โรงแรมนี้บ้าง ขอบคุณที่เข้ามาติดตามอ่านกันนะครับ แล้วคราวหน้าเราจะพาไปเที่ยวที่ไหน อย่าลืมกด Like กดติดตามเพจ ThirtyWander กันไว้ด้วยนะครับ