The Okura Prestige Bangkok : Staycation ที่ให้บรรยากาศเหมือนมาเที่ยวญี่ปุ่น

IMG_4273

ปกติแล้วในทุกๆ ปี เราจะต้องไปเที่ยวญี่ปุ่นอย่างน้อย 1 ครั้ง แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันทำให้ปีนี้เป็นปีแรกที่เราไม่ได้ออกนอกประเทศเลย ด้วยความคิดถึงญี่ปุ่น และด้วยโปรโมชั่นที่ร้อนแรงสุดๆ เราจึงใช้ช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ไป Staycation กันที่ The Okura Prestige Bangkok โรงแรม 5 ดาวสัญชาติญี่ปุ่น ที่บรรยากาศภายในโรงแรมพอจะทำให้หายคิดถึงญี่ปุ่นขึ้นมาได้บ้างสักหน่อย และจากการไปพักครั้งนี้ เราก็อยากจะนำประสบการณ์ที่ได้รับ มาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน เผื่อว่าใครสนใจอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาพักผ่อนสบายๆ ทานอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆ ที่นี่ก็เป็นอีกโรงแรมหนึ่งที่น่าสนใจมากทีเดียวครับ

LM005163
The Okura Prestige Bangkok ถือเป็น Okura Prestige ที่แรกของโลก ซึ่ง Position ของแบรนด์  Okura Prestige ก็จะสูงกว่าโรงแรม 5 ดาวทั่วๆ ไป โดยเฉพาะด้านการบริการ และประสบการณ์ที่แขกจะได้รับตลอดการเข้าพัก ซึ่งปกติแล้วราคาห้องพักเริ่มต้นของที่นี่จะอยู่ที่ 6,600++ บาทต่อคืน แต่ในช่วงนี้ทางโรงแรมก็จัดโปรโมชั่นมาแรงมากๆ อย่างโปรโมชั่นที่เราได้ในช่วง 10.10 ห้องพักเริ่มต้นที่ 1,800++ บาทต่อคืน ซึ่งลดไปมากถึง 70% จากราคาปกติเลยทีเดียว ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะได้มาลองสัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนที่นี่ดูสักครั้ง

IMG_4125

Location : โรงแรมตั้งอยู่ในตึก PARK VENTURES ซึ่งตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ใกล้กับสถานี BTS เพลินจิต ซึ่งบริเวณนี้ถือเป็น Prime area ของกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้ มีโรงแรมระดับ Ultra Luxury อยู่หลายโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม Rosewood, Park Hyatt ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากสระว่ายน้ำของโรงแรม และห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่าง Central Embassy และ Central ชิดลม  ทำให้ The Okura Prestige เป็นโรงแรมที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการการเดินทางที่สะดวกสบายและอยู่ใจกลางเมือง (หากมีรถยนต์ส่วนตัวมา สามารถจอดรถได้ที่อาคารจอดรถชั้นใต้ดินของตึก PARK VENTURES)

LM005220

Main lobby ของโรงแรม ตั้งอยู่บนชั้น 24 ของตึก PARK VENTURES โดยจะมีทางเข้าโรงแรมอยู่ที่บริเวณชั้นล่างของตึก และมีลิฟท์เฉพาะของโรงแรมที่จะ Direct มาที่ชั้น 24 ได้เลย การตกแต่งของโรงแรมเน้นที่ความเรียบหรู เราชอบบริเวณ Lobby ที่ออกแบบให้ Space มีความสูงโปร่ง ทำให้บรรยากาศดูโล่งสบาย และมีกระจกบานใหญ่อยู่ด้านหลัง ทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาด้านใน ยิ่งช่วงบ่ายๆ ตอนไป Check-in เราว่าเป็นช่วงที่แสงส่องเข้ามากำลังสวยดี พนักงานให้คำแนะนำและต้อนรับเป็นอย่างดี ตามมาตรฐานของโรงแรม 5 ดาว

LM005218

ด้านหลัง Lobby มีระเบียง สามารถเดินออกไปชมวิวได้

LM005223

วิวจากระเบียงด้านหลัง Lobby มองเห็นสวนสวยๆ และถนนวิทยุ

LM005227

บริเวณใกล้ๆ กันมีโรงแรมชื่อดังอีก 2 โรงแรม คือ The Athenee Hotel ของเครือ Marriott
และ Hotel Indigo Bangkok ของเครือ IHG

LM005243

มาพักช่วงเดือนธันวาคมแบบนี้ ทางโรงแรมก็จะตกแต่ง Lobby ด้วยต้นคริสต์มาส ให้เข้ากับบรรยากาศ Festive ในช่วงนี้

LM005246

ออกจากลิฟท์มาจะเจอโถงทางเดินไปห้องพักหน้าตาแบบนี้

check-in เรียบร้อย พนักงานก็จะพาเรามาส่งที่ห้องพัก เราได้พักที่ชั้น 31  ห้องพักที่จองมาคือห้อง Deluxe ซึ่งเป็น Type เริ่มต้นของโรงแรม เรามาเข้าพักในช่วงวันหยุดยาว (วันรัฐธรรมนูญ) ราคาอยู่ที่ 2,860 บาท (รวมอาหารเช้า) ถ้ามาพักวันธรรมดา ราคาจะถูกลงไปกว่านี้ (และถ้าไม่รับอาหารเช้า ก็จะถูกลงไปอีก) แต่ราคาโปรโมชั่นในแต่ละช่วงแนะนำให้ติดตามทางเพจของโรงแรมจะดีกว่า เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีโปรพิเศษเพิ่มเติมมาได้ตลอด

LM005247

มองจากบริเวณทางเดินหน้าห้องพัก จะเจอกับบันได้บริเวณ Lobby

LM005250

เปิดประตูห้องเข้ามา จะเจอ Partition และของตกแต่งแบบนี้ก่อน เพิ่มความ Private ให้แขกที่อยู่ในห้องพัก
ด้านหลัง Partition นี้จะเป็น Walk-in closet ที่มีราวแขวนเสื้อ ตู้เซฟ และที่วางกระเป๋า

LM005249

ด้านข้างประตูจะเป็นห้องน้ำ ภายในห้องน้ำมีอ่างล้างมือเล็กๆ เหมือนโรงแรมที่ญี่ปุ่นเลย

LM005175

โถสุขภัณฑ์เป็นโถอัตโนมัติเหมือนโรงแรมในญี่ปุ่น นั่งแล้วอุ่นก้น มีให้กดน้ำชำระล้าง สะดวกสบาย

IMG_4025

ถัดมาจะเป็นส่วนของเตียงและโต๊ะนั่งทำงาน ห้องของเรามองเห็น City view ฝั่งถนนวิทยุ เราชอบวิวฝั่งนี้มากๆ
การออกแบบภายในห้องพักเรียบหรู เราชอบพรมในห้องที่เป็นลายใบไม้แดง และไม้ระแนงบริเวณหัวเตียงและปลายเตียง
ที่ทำให้บรรยากาศในห้องมีเอกลักษณ์ ดูแล้วรู้เลยว่าเป็นโรงแรมสัญชาติญี่ปุ่น

LM005168

เตียง King size และหมอนที่นุ่มสบาย ดูดวิญญาณสุดๆ

LM005217

บริเวณหัวเตียงมี Control panel สำหรับเปิด-ปิด ไฟและแอร์ภายในห้อง มีช่อง USB สำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือได้

LM005172

ปลายเตียงจะมี Smart TV และโต๊ะทำงาน มีช่องโทรทัศน์ของญี่ปุ่นให้ดูเยอะมาก

LM005164

ภายในห้องน้ำใหญ่ แบ่งโซนอ่างล้างมือ / Shower และอ่างอาบน้ำ ตรงนี้อาจจะดูทึบๆ ไปหน่อย แต่ก็มีพื้นที่กว้างพอสมควร ไม่ได้เล็กเหมือน Business Hotel ในญี่ปุ่น อ่างใหญ่ลงไปแช่ 2 คนได้อยู่

LM005166

Amenities ให้มาครบ มีน้ำเปล่าให้รวมแล้วประมาณ 6 ขวดได้

LM005157

Minibar ภายในห้อง มีชา-กาแฟ ที่ให้ฟรี ส่วนอย่างอื่นเสียเงินนะ

op 01

ความพิเศษอีกอย่างของที่นี่ คือ มีชุดยูกาตะ และชาเขียวให้ชงดื่มฟรี
ให้บรรยากาศเหมือนไปพักโรงแรมในญี่ปุ่นสุดๆ

LM005207

จิบชาพร้อมกับชม City view ในยามเย็น บรรยากาศดีมาก

LM005412

ช่วงก่อนนอนจะมีพนักงานเข้ามา Turn down พร้อม Night Gift เป็นโอริกามิเซ็ตนี้

IMG_5200

ชมห้องพักกันไปแล้ว เราจะพาไปชม Facility ของโรงแรมกันต่อครับ ซึ่ง Facility และ Spa จะอยู่ที่ชั้น 25 ของโรงแรม ติดกับชั้น Main Lobby โดย Hilight ที่เราชอบมาก คือ วิวของสระว่ายน้ำของโรงแรมครับ

IMG_4125

จากสระว่ายน้ำสามารถมองเห็น City view สวยๆ และโรงแรม Rosewood และ Park Hyatt ได้อย่างใกล้ชิด
ไว้จะมารีวิว Rosewood ให้ได้ชมกันเร็วๆ นี้นะครับ ตอนนี้ชมวิวโรงแรมไปก่อน

LM005465

สระว่ายน้ำที่นี่วิวสวยทั้งช่วงเย็นและช่วงเช้า แนะนำให้มาตั้งแต่สระเปิดเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น คนจะได้ไม่เยอะมาก

LM005426

น่าเสียดายท่ีท้องฟ้าไม่ค่อยเป็นใจ ไม่งั้นคงได้รูปสวยกว่านี้

IMG_4126

ติดกับสระว่ายน้ำเป็น Fitness ของโรงแรม เปิดตลอด 24 ชม.
มีห้องน้ำแยกชาย-หญิง ด้านในมีห้อง Sauna และ Steam ให้บริการด้วยครับ

LM005446

ปิดท้ายกันที่ Breakfast ครับ ความพิเศษของที่นี่คือจะมีห้องอาหารให้เราเลือกทาน Breakfast ได้ 2 ที่ คือ ห้องอาหาร Up & Above จะเสิร์ฟเป็น International set breakfast ส่วนอีกที่คือห้องอาหารญี่ปุ่น Yamazato เสิร์ฟ Japanese set breakfast ทั้งสองร้านอยู่บริเวณชั้น 24 ใกล้กับ Main lobby

ได้มานอนโรงแรมญี่ปุ่นแบบนี้ทั้งที เราก็ต้องเลือกทานมื้อเช้าแบบญี่ปุ่นที่ Yamazato สิครับ แต่ก่อนจะพาไปชมว่าในเซ็ตอาหารเช้าจะได้อะไรมาทานบ้าง เราจะพาไปชมบรรยากาศห้องอาหาร Up & Above กันสักหน่อย

LM005451

การออกแบบภายในห้องอาหารค่อนข้างเรียบๆ ข้อดีของห้องอาหารนี้คือวิวตรงระเบียงด้านนอกสวยมาก เห็นวิวเมืองอย่าง Central Embassy และ Park Hyatt ตอนกลางคืนน่าจะวิวแกรนด์อยู่ แต่เราไม่ได้ถ่ายภาพจุดนั้นมาให้ชมเพราะมีแขกนั่งทานอาหารกันอยู่ ซึ่งนอกจากที่นี่จะเสิร์ฟ Breakfast แล้ว หากใครมาทาน Afternoon tea ก็จะเสิร์ฟที่ห้องนี้เช่นกันครับ

LM005436

ส่วนห้องอาหาร Yamazato ที่เราจะมาทานมื้อเช้า อยู่ทางด้านซ้ายมือของ Main Lobby

op 02

บรรยากาศภายในห้องอาหาร Yamazato มุมริมกระจกช่วงเช้าแสงดีมาก (แต่ก็จะร้อนๆ หน่อย)

LM005430

สำหรับ Japanese set breakfast จะมี Main dish ให้เลือก 3 อย่าง คือ แซลมอน ซาบะ และไก่ เครื่องเคียงจะมีไข่ม้วน กับไข่ออนเซ็น ส่วนข้าวจะมีข้าวอบกับข้าวญี่ปุ่นให้เลือกครับ ตอนเสิร์ฟก็จะมาในเซ็ตแบบนี้ (สั่งได้ครั้งเดียว เติมไม่ได้นะ) หลังทานอาหารจานหลักเซ็ต จะมีผลไม้ใส่จานมาเสิร์ฟ และมีชา กาแฟ ให้เลือกสั่งปิดท้ายมื้ออาหารครับ อาหารญี่ปุ่นรสชาติดี เครื่องเคียงอร่อยทุกอย่างเลย น่าเสียดายตรงที่มีชอยส์ให้เลือกน้อยไปหน่อย กับเติมไม่ได้นี่แหละ ใครทานเยอะอาจจะไม่อิ่ม

LM005482

และนี่ก็เป็นประสบการณ์ 2 วัน 1 คืน ที่เราได้ไปพักในโรงแรมสัญชาติญี่ปุ่น ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา พรีเมี่ยม ซึ่งก็ต้องบอกว่านี่เป็นครั้งแรกของเราเหมือนกันที่ได้นอนโรงแรมหรูของญี่ปุ่นแบบนี้ (เพราะไปเที่ยวญี่ปุ่นทีไรก็เน้นนอนถูกไว้ก่อน เพราะส่วนใหญ่ออกไปเที่ยวมากกว่าอยู่ในโรงแรม) ทีนี้ก็จะมาสรุปความประทับใจที่เรามี ดังนี้

ข้อดี

  1. ทำเลดีมาก อยู่ใจกลางเพลินจิต ติดสถานีรถไฟฟ้า ใกล้ห้างใหญ่ ไปไหนมาไหนสะดวก
  2. ภายในห้องพักแม้จะเป็นห้องเริ่มต้น แต่ Facility ทุกอย่างครบครัน จัดสรรพื้นที่ใช้สอยในห้องพักได้ดี เป็นสัดส่วน ดีไซน์ในห้องแม้จะไม่ได้หวือหวา แต่ก็ดูหรูหราไฮโซ ที่สำคัญคือเตียงนุ่มมาก อยากรู้เลยว่าเตียงยี่ห้ออะไร
  3. วิวจากห้องพัก (ฝั่งถนนวิทยุ) และวิวที่สระว่ายน้ำ สวยและ Grand มากๆ ถ่ายรูปออกมายังไงก็สวย
  4. ราคาห้องพัก (ในช่วงนี้) คุ้มค่าแก่การไปลองพักดูสักครั้ง ถ้าได้ Upgrade เป็นห้องใหญ่กว่านี้น่าจะมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปได้อีก
  5. การบริการของพนักงาน และความใส่ใจ ให้ความรู้สึกแบบ Japanese Service บรรยากาศแทบทุกอย่างในโรงแรม คือนึกว่าอยู่ที่ญี่ปุ่น ทำให้คลายความคิดถึงญี่ปุ่นลงได้บ้าง

ข้อเสีย

  1. ไม่รู้จะเรียกว่าข้อเสียได้ไหม แต่สระว่ายน้ำช่วงเวลาพีคๆ เช่น ช่วงเย็น หรือตอนสายๆ คนจะเยอะมาก ทำให้ดูวุ่นวายไปหน่อย เพราะพื้นที่ตรงบริเวณสระก็ไม่ได้กว้างมากนัก
  2. อาหารเช้าที่ห้องอาหาร Yamazato มีตัวเลือกน้อยไปนิด และไม่ใช่ Buffet ทำให้อาจจะดูไม่คุ้มเมื่อเทียบกับการไปทานอาหารเช้าที่ Up & Above