VALA Hua Hin : Minimalist by the sea
“Find yourself like never before”
เราจะพาไปชมโรงแรมหรูเปิดใหม่ไม่ไกลจากเมืองหัวหินและกำลังมาแรงสุดๆ ในช่วงนี้อย่าง “VALA HUA HIN NU CHAPTER HOTELS” โรงแรมน้องใหม่ในกลุ่ม Small Luxury Hotels Of the World ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบและบริการระดับ 5 ดาว ขับรถเพียง 2 ชม. จากกรุงเทพฯ ก็สามารถมานอนพักผ่อน รับประสบการณ์ดีๆ ที่นี่ได้ไม่ยากเลย
ด้วยความที่เราเป็นคนชอบถ่ายรูปและดูรีวิวโรงแรมสวยๆ เพื่อหาที่พักไว้เปลี่ยนบรรยากาศในวันหยุด พอเราได้เห็นภาพของที่นี่ก็ถูกใจมาก ด้วยดีไซน์ของโรงแรมที่มีความ Minimal, Cozy และวิวทะเลที่ดูสวยงาม ทำให้เราตัดสินใจมาพักที่นี่ แม้ว่าจะมีรีวิวจากหลายที่ให้ได้อ่านกันแล้ว แต่รีวิวของเราครั้งนี้ จะเจาะลึกไปในส่วนอื่นๆ ของโรงแรม รวมถึงอาหารเช้า ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นจากรีวิวอื่นๆ เท่าไรนัก มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านประกอบการตัดสินใจกันด้วยครับ ส่วนรายละเอียดของโรงแรมจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ตามมาอ่านกันได้เลยครับ
Location
แม้ว่าชื่อของโรงแรมดูแล้วเหมือนจะตั้งอยู่ที่หัวหิน แต่จริงๆ แล้วโรงแรมตั้งอยู่ใน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ห่างจากตัวเมืองหัวหินประมาณ 20 กม. โรงแรมตั้งอยู่ติดกับ The Regent Cha-Am Beach Resort เดินทางโดยใช้รถส่วนตัวสะดวกที่สุดครับ บริเวณหน้าโรงแรมมีลานจอดรถสามารถจอดได้ประมาณ 30-40 คัน รองรับแขกที่เข้าพักจำนวนมากได้ดี
หลังจากจอดรถเสร็จแล้ว เข้ามาในโรงแรมส่วนแรกที่เราจะได้เจอ คือ Lobby ครับ โดยอาคาร Lobby ของที่นี่ออกแบบเป็นอาคารวงกลมล้อมไปด้วยกระจก ตรงกลางเว้น Space ไว้สำหรับต้นไม้ และเปิดหลังคาให้แสงส่องลงมา จัดแบ่ง Space ต่างๆ ได้อย่างเหมาะเจาะ ดูไม่รกรุงรัง และสวยงาม Minimal ตาม concept ของโรงแรม
Welcome drink เป็นน้ำตะไคร้ หอมและมีรสหวานอ่อนๆ ดื่มแล้วสดชื่น
หลังจัดการเรื่อง Check-in เสร็จแล้ว พนักงานจะพาเราเดินไปส่งที่ห้องพัก ระหว่างทางเดินไปห้องพักซึ่งเป็นอาคาร 3 ชั้น ทอดยาวจากบริเวณล็อบบี้ลึกเข้าไปจนถึงบริเวณริมชายหาด เราชอบแสง เงา และการใช้เส้นสายของตึก การจัดวางต้นไม้ต่างๆ มันดูสวยงามและลงตัวมาก แสงในเวลาที่ต่างกันก็ทำให้ความสวยงามในแต่ละมุมแตกต่างกันไปด้วย ดูแล้วเพลินตาดี
ถัดมาจาก Lobby ส่วนแรกที่เราจะเจอ คือ Fitness ของโรงแรม มีเครื่องเล่นไม่มากนัก
และวันที่เรามาพักส่วนนี้ยังปิดบริการอยู่ (ด้วยสถานการณ์ Covid-19)
Beachfront คือ โซนห้องพักของเรา เป็นบริเวณที่อยู่ติดกับชายหาดและสามารถมองเห็นวิวทะเลได้เต็มตาที่สุด แต่ข้อเสียก็คือ เป็นโซนที่อยู่ไกลจาก Lobby มากที่สุด (แลกกับวิวดีๆ ก็คุ้มอยู่นะ) โดยห้องพักจะมีทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ Mini Suite Beach Front (ห้องใหญ่ 60 ตร.ม. อยู่บริเวณชั้นล่างสุด ), Deluxe Beach Front (เป็นห้องที่ป๊อบสุด จองเต็มเร็วมาก อยู่บริเวณชั้น 2 ขนาดห้อง 50 ตร.ม.) และ Sky Beachfront (ขนาด 46 ตร.ม. อยู่ชั้น 3 เป็นห้องที่แพงสุด ไม่มีระเบียง แต่ได้วิวทะเลผ่านกระจกบานใหญ่เต็มตาสุดๆ) ซึ่งเราจองห้องพักแบบ Sky Beach Front มา ในห้องจะเป็นยังไงบ้างตามมาชมกันครับ
Sky Beachfront Room
ห้องพักที่เราจองมาในครั้งนี้ คือ ห้อง Sky Beachfront Room ขนาดห้อง 46 ตร.ม. ห้องพัก Type นี้ไม่ใช่ห้องที่แพงที่สุดของโรงแรม (เพราะ Type ที่แพงกว่านี้ คือ Pool villa) จริงๆ เราอยากจองห้อง Deluxe Beach Front (ชั้น 2) ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นห้องที่ได้วิวทะเล มีระเบียงและมีอ่างอาบน้ำอยู่นอกห้อง และราคาถูกกว่าห้องชั้น 1 และชั้น 3 แต่อย่างที่บอกว่าห้องชั้น 2 เนี่ย เต็มเร็วมาก ทำให้เราต้องเปลี่ยนใจมาจองห้องชั้น 3 แทน ส่วนสาเหตุที่ไม่จองห้องชั้น 1 ทั้งที่ราคาเท่ากับห้องชั้น 3 แต่ขนาดห้องใหญ่กว่า เป็นห้อง Suite และอยู่ติดหาด สามารถเดินลงทะเลได้เลย ก็เพราะว่าชั้น 1 มันดูไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไร มีคนเดินผ่านไปมาหน้าห้องเต็มไปหมด และชั้น 3 อย่างน้อยก็ได้เห็นวิวทะเลจากมุมสูง น่าจะสวยและอลังการณ์กว่ามองจากชั้น 1 เราก็เลยตัดสินใจเลือกพักที่ห้องชั้น 3 นี่แหละ
สำหรับราคาห้อง Sky Beach Front Room ราคาปกติอยู่ที่ห้องละ 8,500 บาท/คืน (พักวันธรรมดานะ ถ้าวันเสาร์จะแพงกว่านี้) แต่ในช่วงที่เรามาพักมีโปรโมชั่น + ใช้ส่วนลดเราเที่ยวด้วยกัน เหลือเพียง 5,204 บาท/คืน รวมอาหารเช้า + ได้เครดิตรีสอร์ทอีก 500 บาทไว้ใช้จ่ายในโรงแรม ก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่
เข้าห้องมา จุดนำสายตาสุดๆ ก็ต้องวิวทะเลจากกระจกบานใหญ่ด้านในสุดของห้องนี่แหละ
มุมนี้ถ่ายรูปกันได้ทั้งวัน แสงแต่ละช่วงเวลาก็ทำให้มุมนี้สวยงามแตกต่างกันไป
นอนแช่น้ำไป ดูวิวทะเลไป ฟินมาก แต่ก็ต้องระวังโป๊นะ เพราะคนข้างล่างสามารถมองเห็นเราได้
ภายในห้องตัว Layout จะเป็นห้องหน้าแคบ ลึกยาวไปถึงชายหาด แบ่งห้องออกเป็น 3 ส่วน ส่วนในสุด มีอ่างอาบน้ำ โซฟา และตู้ Minibar ส่วนที่สองจะเป็นเตียงนอน ส่วนที่สามบริเวณหน้าห้องจะเป็นห้องน้ำและ Walk-in closet
จากบริเวณห้องนอน จะมีกระจกมองเห็นส่วน Shower ได้ (ถ้าไปกับเพื่อนก็มีม่านให้ปิดนะ ไม่ต้องกลัวโป๊)
ถัดจากห้องนอน จะมีโต๊ะทำงานที่ Built in ติดผนัง และอีกฝั่งจะเป็นอ่างล้างหน้า
Walk-in Closet มีกระเป๋าสานของโรงแรมให้ใส่ของลงไปนั่งริมหาด รวมถึงรองเท้าแตะและ Slipper
Amenities ใช้ของ Panpuri รับประกันความหอม
จุดหนึ่งที่เราชอบมาก ก็คือ ห้องสุขา และ Shower แยกออกจากกัน แถมยังมีสายชำระด้วย
ในห้อง Shower มี Rain Shower ให้ด้วย น้ำแรงสะใจดี
อย่าลืมตื่นมาดูแสงพระอาทิตย์ยามเช้าด้วยนะ แสงเข้าห้องมาสวยมาก
ชมห้องพักกันแล้ว เราจะพามาชมส่วนอื่นๆ ของโรงแรมกันบ้างครับ เริ่มกันที่ไฮไลท์อีกจุดของโรงแรม คือ สระว่ายน้ำ มีทั้งสระผู้ใหญ่และสระเด็ก แยกกัน คนมักจะมาเล่นน้ำกันช่วงเย็น ใครอยากมาถ่ายรูปแนะนำให้ตื่นเช้าหน่อย จะได้ไม่ติดคนครับ
แสงเย็นบริเวณโซนที่นั่งใกล้กับสระว่ายน้ำ ก็เป็นจุดที่ถ่ายรูปสวยเหมือนกัน
บริเวณ Pool bar เป็นอีกมุมที่คนชอบมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น
มาพักที่นี่หลายๆ คนพร้อมใจกันตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้น สวยสมกับการอดนอนต่อเลยแหละ
น้ำทะเลบริเวณชายหาดของโรงแรม ช่วงนี้น้ำใส หาดทรายละเอียด น่าเล่นมากๆ
ใครชอบกิจกรรมทางน้ำ สามารถติดต่อพนักงานได้
ฝั่งหนึ่งของสระว่ายน้ำ จะเป็นห้องพัก Deluxe room (ยกเว้นชั้น 1 จะเป็นห้อง Mini Suite Pool Access) มองเห็นวิวสระว่ายน้ำและทะเล (บางห้อง) ซึ่งห้องโซนนี้จะไม่มีอ่างอาบน้ำบริเวณระเบียงเหมือนห้องโซน Beachfront
เราชอบต้นไม้ที่เขาปลูกอยู่บริเวณด้านหน้าห้องพักชั้น 1 น่ารักดี
ห้อง Mini Suite Pool Access เดินออกจากห้องลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำได้เลย
ห้องพักอีกโซนที่แยกออกไปจากอาคารหลัก จะเป็นส่วนของ Pool Villa
ห้อง Pool Villa Beach Front อยู่ติดชายหาด
Restaurant
เราจะพาไปชมห้องอาหารหลักของโรงแรมกันครับ นั่นคือ “WOODS KITCHEN & BAR” เป็นห้องอาหาร All day dining ที่เราจะมาทาน Breakfast กันครับ
ห้องอาหารจะอยู่ใกล้กับสระว่ายน้ำ
บรรยากาศภายในห้องอาหาร ผนังตกแต่งเป็นลายวงปีของต้นไม้ เข้ากับชื่อของร้าน
มี Bar บริเวณด้านหน้าร้านอาหาร แสงช่วงเย็นส่องเข้าหน้าบาร์ สวยงามมาก
Breakfast ของโรงแรมจัดให้เป็น Buffet ครับ แม้ว่าสถานการณ์ Covid อาจจะทำให้หลายๆ โรงแรมต้องเสิร์ฟอาหารเช้าแบบ A la carte กันเป็นส่วนใหญ่ แต่อย่างที่บอกว่าที่นี่กำลังเนื้อหอมสุดๆ มีแขกเข้าพักเยอะแม้ว่าจะเป็นวันธรรมดา ทางโรงแรมเลยจัดไลน์ Buffet มาให้กันเต็มที่เลย
ครัวซองต์และเบเกอรี่ต่างๆ
เราปลามปลื้มกับ Station น้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋มาก นานๆ จะเจอโรงแรมที่เสิร์ฟแบบนี้
มีข้าวต้มและกับข้าว รวมถึงก๋วยเตี๋ยวให้สั่งได้ด้วย
Cold Cuts ก็มี
เมนูไข่สามารถสั่งกับพนักงานได้เลย มาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ
และนี่ก็คือบรรยากาศทั้งหมดของ VALA HUA HIN ครับ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นที่ถูกใจของนักท่องเที่ยว เพราะภายในโรงแรม และห้องพัก ออกแบบได้สวยหรู ดูมีสไตล์ มีมุมให้ถ่ายรูปได้เยอะมาก ถ่ายรูปกันได้ทั้งวัน แม้ว่าราคาห้องพักของที่นี่จะค่อนข้างสูง (เมื่อเทียบกับโรงแรมตัวเลือกอื่นๆ ในหัวหิน) แต่ก็ยังมีแขกมาเข้าพัก และจองห้องสวยๆ แพงๆ กันตลอด (ยิ่งวันเสาร์นี่ห้องฮิตๆ เต็มเร็วมาก) และตามธรรมเนียม เราก็จะมาสรุปภาพรวมของโรงแรมในมุมมองของเรา ให้เพื่อนๆ ได้อ่านประกอบการตัดสินใจ ก่อนจะกดจองห้องพักกันนะครับ
จุดที่ชอบ
- ดีไซน์ของโรงแรม สวยมาก สวยทุกมุม สวยตั้งแต่ Lobby จนมาถึงในห้อง หันกล้องไปทางไหนก็ได้รูป แสงเช้า แสงเย็น ก็สวยคนละแบบ ใครชอบถ่ายรูป พกชุด พกพร็อบมาจัดเต็มกันได้เลย
- การจัดสรรพื้นที่ภายในห้องพักทำได้ดี เป็นสัดส่วน โดยเฉพาะการแยกห้อง Shower และห้องสุขาออกจากกัน ปลื้มมาก
- พนักงานบริการดีมาก โดยเฉพาะพนักงานในห้องอาหารที่คอยมาเดินดูที่โต๊ะ คอยเก็บจาน และคอยสอบถามความต้องการอยู่เรื่อยๆ
- ราคาอาหารและเครื่องดื่มอยู่ในระดับที่รับได้ ไม่แพงจนเกินไป และสามารถใช้ E-Voucher จากโครงการเราเที่ยวด้วยกันได้ด้วย
จุดที่ไม่ชอบ
- ทำเลของโรงแรมอยู่ค่อนข้างไกลจากตัวเมืองหัวหิน และทางเข้าจากถนนเพชรเกษมมาถึงโรงแรมค่อนข้างลึก ต้องมาด้วยรถส่วนตัวเท่านั้นถึงจะสะดวก
- ห้องพักโซน Beachfront และ Pool villa ที่ติดชายหาด ดูไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไร คนนอกสามารถมองเข้ามาในห้องพักเราได้
- ราคาปกติค่อนข้างสูง หากเทียบกับความสะดวกในการเดินทาง และ Facility ต่างๆ แล้ว มีตัวเลือกที่น่าสนใจและราคาถูกกว่าอีกหลายโรงแรม แต่ถ้าใครชอบดีไซน์ก็ต้องยอมจ่ายเพื่อมาพักที่นี่จริงๆ
- สระว่ายน้ำสวยแต่คนพลุกพล่าน และไม่ค่อย Function เท่าไร เหมาะมาแช่เล่นๆ กับเพื่อน แต่ว่ายจริงจังไม่ค่อยเหมาะ
- อ่างอาบน้ำภายในห้อง ถ้าเป็นจากุชชี่จะดีงามมากเลย