Banyan Tree Samui : วิวทะเลสุดอลังการณ์ ในวิลล่าสุดหรูบนเนินเขา
Banyan Tree Samui
รีสอร์ทสุดหรูอีกแห่งหนึ่งบนเกาะสมุย ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2553 มีจุดเด่นในเรื่องของการออกแบบ Landscape และวิวทะเลที่สวยงาม ห้องพักของที่นี่เป็นห้องแบบ Pool Villa ทั้งหมด และเป็นห้อง Pool Villa ที่มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่กว่าที่อื่นๆ โดยขนาด Villa ของที่นี่เริ่มต้นที่ 130 ตร.ม. ตั้งกระจัดกระจายอยู่ภายในพื้นที่อันกว้างขวางของรีสอร์ทและบนเนินเขา ทำให้ Villa แต่ละหลัง ได้วิวที่สวยงามแตกต่างกันออกไป เราได้เห็นบรรยากาศของที่นี่ครั้งแรกจากใน Youtube ก็ปักหมุดไว้เลยว่าต้องมาลองพักดูสักรอบ และช่วงเวลาแบบนี้ ราคาห้องพักของที่นี่ก็ถูกลงมาก เหมาะแก่การมาสัมผัสประสบการณ์การเข้าพักในรีสอร์ทที่ถือว่าเป็น Dream Destination ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกดูสักครั้งหนึ่ง และอยากนำความประทับใจมาแชร์ให้เพื่อนๆ ที่สนใจได้อ่านกัน รายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ตามมาอ่านกันได้เลยครับ
Location
Banyan Tree Samui ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะสมุย อยู่ห่างจากสนามบินสมุยประมาณ 19 กม. ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของสมุยอย่างหาดละไม, หินตา หินยาย และ Overlap Stone ตัวรีสอร์ทตั้งอยู่บนเนินเขา มีวิลล่าทั้งหมด 78 หลังกระจัดกระจายอยู่ตามเนินเขาไล่ลงไปจนถึงชายหาด จากแพ็คเกจที่เราจองมา มีรถรับส่งฟรีจากทางรีสอร์ทมารับถึงสนามบิน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที หรือหากนำรถส่วนตัวมาจะมีลานจอดรถบริเวณทางเข้ารีสอร์ทให้บริการ การเดินทางภายในรีสอร์ทใช้บริการรถบัคกี้เป็นหลัก เพราะแต่ละจุดค่อนข้างอยู่ห้างกัน และเป็นทางชันเลาะไปตามเนินเขา ทางรีสอร์ทมีรถบัคกี้ให้บริการตลอด 24 ชม.
Design
ที่นี่ออกแบบโดย Architrave ซึ่งเป็นทีมสถาปนิกในเครือของ Banyan Tree โดยเฉพาะใครเคยไปพักที่ Banyan Tree Phuket ก็จะรู้สึกได้เลยว่าสองที่นี่มีการออกแบบที่คล้ายคลึงกันมาก ตัว Villa และของประดับหลายชิ้นในห้องใช้สีครีมเป็นหลัก ตัดกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ และหินอ่อนสีเข้มในบางส่วนของห้อง ภาพรวมจะดูหรูหราสไตล์ผู้ใหญ่ไปหน่อยตามสไตล์ของ Banyan Tree แต่โดยส่วนตัวเราไม่ติดนะ เพราะรีสอร์ทก็สร้างมา 11 ปีแล้ว ถึงดีไซน์จะไม่ได้ดูสดใหม่เหมือนที่อื่น แต่จุดเด่นของที่นี่ คือ พื้นที่ของ Villa ที่กว้างขวางมาก และมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งในภาพรวมเราว่าตอบโจทย์เรื่อง Function การใช้งานได้เป็นอย่างดี มีพื้นที่ใช้สอยแบ่งเป็นสัดส่วน โดย Villa แต่ละ Type จะมีการออกแบบ Layout ที่ไม่ต่างกันมาก มีพื้นที่ใช้สอยที่แตกต่างกันนิดหน่อย แต่จะไปต่างกันตรง Location ของห้องและวิวมากกว่า ยกเว้น Villa แบบ Family และ President ที่จะมี Layout และขนาดที่แตกต่างจาก Villa แบบอื่นไปเลย โดยมีขนาดกว้างถึง 316 ตร.ม. และมีสระว่ายน้ำถึง 2 สระ
Villa
Villa ที่เรามาพัก คือ Ocean View Pool Villa (Villa No. A12) ซึ่งจะมีพื้นที่ 130 – 155 ตร.ม. แล้วแต่หลัง จุดเด่นของ Villa ที่เราพัก คือ เป็น Villa ที่อยู่สูงสุดบนเนินเขา ติดกับ Villa A15 ที่เป็น Horizon Hillcrest Pool Villa ซึ่งเป็น Villa type ยอดนิยมของที่นี่ เพราะได้วิวทะเลมุมสูงที่สวย และไม่มีอะไรบัง (แต่ราคาก็จะสูงกว่าห้องที่เราพักไปอีก 2 ระดับ) จุดที่เราแอบผิดหวังนิดนึง ก็คือ แม้จะเป็น Ocean View แต่จากห้องเราจะมองเห็นวิวทะเลจากหาดละไมแบบไกลๆ และมีต้นไม้บังอยู่ แต่ก็ได้วิววิลล่าบนเนินเขาแบบเดียวกับห้อง A15 มาให้ถ่ายรูปแทน แนะนำว่าใครอยากได้วิวทะเลแบบโล่งๆ กว้างๆ ก็ลงทุนจอง Horizon Hillcrest Pool Villa หรือ Royal Banyan Pool Villa ไปเลย รับรองได้วิวสวยๆ แน่นอน
ภายใน Villa แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนและ Private ดีมาก Villa แต่ละหลังจะมีรั้วรอบขอบชิด เข้ามาจะเจอกับชุดโต๊ะเก้าอี้นั่งเล่นด้านนอก มี Day bed ที่มีรั้วกระจกกั้นให้นอนชมวิว มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ให้ว่ายไปมาได้สบายๆ เข้ามาด้านใน Villa แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ Living area (ถ้าไปพัก 3 คนก็จะเสริมเตียงให้ที่ห้องนี้), Bedroom และด้านในสุดจะเป็นห้องน้ำที่มี Walk-in closet, อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ และด้านในเป็น Shower room ที่มีประตูเปิดออกไปที่สระว่ายน้ำได้ เพดานสูงโปร่งและทาผนังสีครีม ทำให้ภายในห้องดูโปร่งและกว้างขวาง มีโทรทัศน์เป็น Smart TV ให้ 2 เครื่องที่ห้องนอนและห้องนั่งเล่น Minibar มีน้ำเปล่า ชา และกาแฟแคปซูลให้ฟรี หมอนสามารถเลือกได้ว่าอยากได้แบบไหน (แจ้งกับพนักงานตอน check-in) มี Turn down service ให้ในช่วงค่ำ และถ้าอยากได้ In room breakfast หรือ Floating breakfast ก็สามารถแจ้งพนักงานได้ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) โดยภาพรวมภายในห้องพักสะอาดดี และทางโรงแรมก็ Maintainance อุปกรณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะเปิดมานาน 10 ปีแต่ก็ดูไม่เก่าเลย
The EDGE
เรามาทาน Breakfast ที่ The EDGE ซึ่งเป็นห้องอาหารที่อยู่ติดกับ Lobby ของโรงแรม เสิร์ฟ Breakfast ในช่วงเช้าจนถึง 11.00 น. เป็นห้องอาหารที่วิวสวย มองเห็นวิวทะเลและวิลล่าของรีสอร์ทที่กระจายอยู่บนเนินเขา นอกจากที่นี่แล้ว ภายในรีสอร์ทยังมีร้านอาหารอื่นๆ อีก เช่น Sands เสิร์ฟอาหารพวกซีฟู้ด บาร์บีคิว อยู่บริเวณริมชายหาดของรีสอร์ท, Saffron ห้องอาหารไทยที่เปิดให้บริการในช่วงเย็น และยังมี Pool bar, Beach bar ให้บริการที่สระว่ายน้ำและริมชายหาดของรีสอร์ท
Breakfast ของที่นี่ให้บริการเป็นแบบ International Buffet มีทั้งอาหารไทย สลัด เบเกอรี่ และ Egg Station ตามมาตรฐานโรงแรม 5 ดาวทั่วๆ ไป มีพนักงานคอยให้บริการและรับออเดอร์เครื่องดื่มพวกชา กาแฟ รสชาติอาหารโดยรวมพอใช้ เมนูอาหารไทยอาจจะไม่ได้หลากหลายนัก (น่าจะเป็นเพราะแขกที่มาพักส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ) แต่เราชอบเบเกอรี่และโยเกิร์ตที่มีให้เลือกหลายรสชาติ ที่ชอบมากสุด คือ Bread Pudding อร่อยฟินเวอร์
Value
หลายคนคงอยากจะรู้แล้วว่าราคาห้องพักที่นี่แพงไหม ในช่วงเวลาปกติ ห้องพักของที่นี่ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 20,000 บาท ++ (ห้องเริ่มต้นคือ Deluxe Pool Villa) แต่ช่วงที่เราจองทางรีสอร์ทจัดแพ็คเกจไว้ 4 แบบให้เลือก โดยราคาและสิทธิพิเศษของแต่ละแพ็คเกจก็จะแตกต่างกันไป (แต่ตอนนี้โปรโมชั่นนี้หมดเขตจองแล้วนะ) เราเลือกจอง Package “Silver” ราคาเริ่มต้นที่ 9,999 บาท (net) สามารถใช้ส่วนลดเราเที่ยวด้วยกันได้ เหลือ 6,999 บาท เป็นราคาห้องรวมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน, ฟรีรถรับ-ส่งสนามบิน และได้สิทธิ Double upgrade จาก Deluxe Pool Villa เป็น Ocean View Pool Villa บอกเลยว่าคุ้มมาก เพราะราคาลดลงมากกว่า 50% จากราคาปกติ และยังได้รถรับส่งสนามบินฟรีอีกด้วย ใครที่สนใจอยากมาลองพักที่นี่ ลองสอบถามโปรโมชั่นกับทางรีสอร์ทได้นะ เพราะอาจจะมีโปรใหม่ๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้โปรที่เรามาพักก็ได้
และนี่คือสรุปภาพรวมจากการเข้าพักของเราในครั้งนี้ หากใครอยากอ่านรายละเอียดแบบจัดเต็ม ก็กดรูปเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยครับ ส่วนรีวิวที่พักในสมุยยังไม่จบ เพราะเรายังมีที่พักที่น่าสนใจและหรูหราไม่แพ้กันมาให้ติดตามอ่านกันได้อีก อย่าลืมกด Like เพจ ThirtyWander ไว้รออ่านกันได้เลยครับ
บริเวณด้านหน้า Lobby ของรีสอร์ท มองเห็นวิวสวยๆ มาแต่ไกล
เข้ามาจะเจอกับเคาน์เตอร์ check-in ทางด้านซ้าย
เดินออกไปจะเจอวิวทะเลสุดอลังการณ์แบบนี้
ทางด้านขวาจะเป็น Lobby Lounge พนักงานจะพาเรามานั่งพักเพื่อรอ check-in ที่นี่
เป็น Lobby Lounge ที่วิวสวยมาก
ระหว่างรอ check-in พนักงานจะเตรียม Welcome drink มาให้
ตอน Check-out ที่นี่เขาก็มี Farewell drink ให้ด้วยนะ น่ารักมาก
Welcome drink เป็นน้ำทับทิมผสมกับขิง มีเนื้อว่านหางจระเข้ใส่มาด้วย ดื่มแล้วสดชื่นดี
ส่วนรูปซ้ายจะมี Map ของรีสอร์ทมาให้พร้อมจดหมายต้อนรับ
และใบ Request ชนิดของหมอนกับกลิ่นของ Essential oil ที่จะใช้ในห้องพักของเรา
วิวสวยๆ อีกมุมจาก Lobby Lounge มองเห็น Villa ของรีสอร์ทที่อยู่ตามเนินเขา
ต่อไปเราจะพาไปชมห้องพักของเรากันครับ จากรูปแผนที่จะเห็นว่า Lobby อยู่ตรงตำแหน่ง A
ส่วน Ocean View Pool Villa ของเราอยู่ที่ A12 (สีชมพู) ด้านขวาล่างของรูป
(Credit photo : Banyan Tree Samui)
นั่งรถบัคกี้จาก Lobby มาประมาณ 5 นาที จะมาถึงบริเวณทางเข้า Villa ครับ
ซึ่ง Villa A12 กับ A15 จะใช้ทางเข้าหลักร่วมกัน แต่จะถึง Villa A12 ก่อน
เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอชุดโต๊ะนั่งด้านนอก ทางเข้า Villa จะอยู่ด้านซ้ายมือ
มองเห็นวิวฝั่งเดียวกับที่ Lobby Lounge เลย แต่มุมจะสูงและอยู่ไกลกว่า
มาถ่ายรูปเล่นมุมนี้ได้ เป็นมุมไฮไลท์ของ Villa (แต่แนะนำให้มานั่งช่วงเย็นๆ นะ เพราะแดดร้อนมาก)
มองไปทางด้านซ้ายจะเป็นสระว่ายน้ำของเรา สระลึก 1.30 เมตร มองเห็นวิวทะเลไกลๆ
วิวอีกมุมถ้ามองออกจากสระว่ายน้ำ
เข้ามาด้านใน Villa แอร์เย็นฉ่ำเลย จะเห็นว่าภายในแบ่งเป็น 3 ส่วน
ส่วนแรกที่เข้ามาเจอคือ Living room ส่วนที่สอง คือ ห้องนอน และสุดท้ายคือห้องน้ำ
โซฟาใหญ่ นั่งๆ นอนๆ ได้สบายมาก ทางโรงแรมเตรียม Welcome Fruit ไว้ให้บนโต๊ะด้วย
Minibar ส่วนที่ฟรีมีน้ำดื่ม ชา Twinings และกาแฟแคปซูล
ถัดมาเป็นห้องนอน ภายในมีโต๊ะทำงานอยู่ปลายเตียง
ตื่นนอนมองออกไปด้านนอกเห็นสระว่ายน้ำ และวิวทะเลอยู่ไกลๆ
ห้องนอนมี Smart TV มาให้อีก 1 เครื่อง
เปิดหน้าต่างห้องนอนออกไปลงสระได้เลย
บริเวณหัวเตียงมีโทรศัพท์ และมี Essential Oil กลิ่นที่เราเลือกมาวางไว้ให้
ถัดมาเป็นห้องน้ำที่กว้างมากๆ ภายในห้องน้ำยังแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน
เริ่มจากส่วนแรกเข้าไปเราจะเจอกับอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ และอ่างล้างหน้า His & Her
ด้านซ้ายเป็น Walk-in closet ด้านซ้าย (ด้านใน)เป็นห้องสุขา ลึกไปในสุด คือ Shower room
อ่างอาบน้ำใหญ่ ลงไปแช่ 2 คนได้สบายๆ เสียดายไม่ใช่อ่างจากุชชี่
Walk-in closet มีราวแขวนเสื้อพร้อม Bathrobe มีตู้เซฟ และลิ้นชักให้ใส่ของ
บริเวณ Shower ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสสสีดำตัดกับสีทอง ดูสวยงามหรูหรา
เราชอบ Rain Shower ด้านบนมาก เพราะเป็น Rain Shower สี่เหลี่ยมจตุรัส 4 อันเรียงต่อกัน อาบทีนึงคือฟินมาก
ห้องสุขาเล็กๆ อยู่ด้านในหลบสายตา มีสายฉีดชำระให้ด้วย
บรรยากาศยามเช้า
เสียดายวันที่เราเข้าพักเมฆเยอะไปหน่อย ทะเลเลยสีไม่ค่อยสวยเท่าไร
ถัดมาเราจะพาไปชมห้องอาหาร The EDGE ที่เรามาทาน Breakfast กันครับ
แค่วิวจากภายในห้องอาหารก็กินขาดแล้ว
แม้แขกจะเข้าพักไม่มาก แต่ทางรีสอร์ทก็ยังจัด Line Buffet เต็มๆ อยู่นะ
มุมนี้จะเป็นผลไม้และโยเกิร์ตรสชาติต่างๆ
มุม Bakery แนะนำว่า Bread Pudding คือสิ่งที่ไม่ควรพลาด
Egg station ของที่นี่มีไข่กระทะเสิร์ฟด้วย
ใครอยากรับลมทะเล ก็มานั่งชมวิวสวยๆ ด้านนอกได้
ด้านนอกห้องอาหารจะมีระเบียงยื่นออกไปให้เราชมวิว และถ่ายรูปกันได้สบายๆ
มาแล้วก็ต้องได้รูปกลับไปซะหน่อย
จากจุดนี้เราจะมองเห็นชายหาดของรีสอร์ท และ Main Pool ซึ่งเราจะพาไปชมกันต่อครับ
การมาที่ชายหาดแนะนำให้เรียกรถบัคกี้ลงมา เพราะระยะทางค่อนข้างไกลจาก Lobby
มีเตียงให้นอนอาบแดด รับลมทะเลเยอะแยะเลย
ใครชอบ Activity ทางน้ำ ที่นี่มีให้บริการหลายอย่างนะครับ ทั้งเรือคายัค แพดเดิ้ลบอร์ด
มีพนักงานคอยให้บริการอยู่ สามารถติดต่อสอบถามได้
จุดสุดท้ายที่จะพามาชม คือ Main Pool ครับ จุดนี้ค่อนข้างเงียบเหงาเลย
อาจเป็นเพราะที่นี่มีสระส่วนตัวทุกห้อง คนเลยน่าจะอยู่เล่นที่สระส่วนตัวกันมากกว่า
จาก Main Pool มองลงไปเห็นชายหาดด้านล่าง
ที่จริงแล้วไฮไลท์อีกส่วนหนึ่งของ Banyan Tree Samui ก็คือ สปา ครับ แต่น่าเสียดายที่เรามีเวลาไม่มากในการพักที่นี่ เลยไม่ได้แวะเข้าไปเก็บภาพบรรยากาศในสปามาให้ได้ชมกัน และสุดท้ายนี้เราจะมาสรุปจุดที่ชอบ และไม่ชอบของที่นี่ให้ได้อ่านกันตามเคยครับ
จุดที่ชอบ
- ขนาด Villa ที่ใหญ่มากๆ ตั้งแต่ Villa ระดับเริ่มต้น มีการแบ่งสัดส่วนห้องพักดี สระว่ายน้ำใหญ่ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในห้องพักยัง Maintainance ได้ดีมาก
- บรรยากาศภายในรีสอร์ทดูหรูหรา อาจจะออกแนวผู้ใหญ่ไปหน่อย แต่โดยส่วนตัวเราไม่ติดนะ จุดที่เราชอบมากที่สุด คือ Lobby Lounge เหมือนเป็นจุดต้อนรับที่ว้าวมากๆ สำหรับแขกที่เพิ่งมาถึงอะ เป็นจุดขายของที่นี่เลยแหละ
- พนักงานบริการดีมาก ตั้งแต่ตอนจองที่พยายามแย่งจองสิทธิเราเที่ยวด้วยกันให้เราได้จนสำเร็จ (ตอนแรกสิทธิหมด เกือบไม่ได้มาแล้ว) หลังจากทำการจองแล้ว Butler ก็โทรมาติดต่อเรา ถามไถ่เรื่องการเดินทางตั้งแต่วันแรกๆ ดูใส่ใจรายละเอียดดีมาก พนักงานในส่วนอื่นๆ ก็ยิ้มแย้มและเต็มใจให้บริการทุกอย่างโดยไม่ต้องร้องขอเลย
- ราคาห้องพัก (ในช่วงนี้) คุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด ควรค่าแก่การมาเข้าพักอย่างมาก เพราะถ้าเปิดประเทศแล้ว ก็ไม่รู้จะได้เจอราคาแบบนี้อีกเมื่อไร
จุดที่ไม่ชอบ
- วิวจากห้องพัก อันนี้แอบเสียดายมากๆ ที่แต่ละห้อง แม้เป็น Villa type เดียวกัน แต่ก็จะมีความแตกต่างกันเรื่องวิว ลอง Request กับทางโรงแรมมาก่อนแล้ว (แบบไม่ระบุหมายเลข Villa) แต่ก็ยังได้วิวทะเลแบบไกลๆ อยู่ดี และ Type เริ่มต้นคือไม่เห็นวิวทะเลนะ เป็น Garden view ซึ่งเอาจริงๆ การแก้ปัญหาตรงนี้ คือ ใช้เงินอย่างเดียวเลยอะ 555 แนะนำว่าอย่างน้อยๆ ต้องจอง Horizon Hillcrest Pool Villa ไปเลย ได้วิวสวยๆ ปังๆ แน่นอน
- ปลั๊กไฟในห้องมีน้อยไปหน่อย และอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ค่อย Practical กับการใช้งานนัก
- ด้วยความกว้างใหญ่ของพื้นที่ภายในรีสอร์ท ทำให้การเดินทางต้องอาศัยรถบัคกี้อย่างเดียว ช่วงที่คนเรียกใช้งานเยอะอาจต้องเสียเวลารอนานหน่อย แนะนำว่าถ้าจะไปไหนแพลนและเรียกรถล่วงหน้าไว้เลยก็ดี