Four Seasons Resort Chiang Mai : Luxury on the Hills

IMG_6172

Four Seasons Resort Chiang Mai

เมื่อปีที่แล้วเราได้มีโอกาสแวะมาทาน Afternoon tea ที่ Four Seasons Resort Chiang Mai และรู้สึกประทับใจกับบรรยากาศภายในรีสอร์ทจนตั้งใจว่าถ้ามีโอกาส (และมีทุนทรัพย์พอ) ก็อยากจะมาลองพักที่นี่ดูสักครั้ง ผ่านมาหนึ่งปีเต็มโอกาสนั้นก็มาถึงจนได้ เราจึงอยากนำประสบการณ์ และความประทับใจจากการเข้าพักที่ Four Seasons Resort Chiang Mai มาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันครับ

LM000087

Location

Four Seasons Resort Chiang Mai ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่ริม ขับรถจากสนามบินเชียงใหม่ใช้เวลาประมาณ 40 นาที บริเวณรอบๆ รีสอร์ทรายล้อมไปด้วยภูเขา มีตลาดแม่ริมอยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ทนัก และสามารถเดินทางไปเที่ยวสถานที่เที่ยวต่างๆ ในอำเภอแม่ริมได้ไม่ไกล หากไม่ได้เช่ารถมาก็สามารถติดต่อทางรีสอร์ทให้รถมารับ-ส่งได้ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)

DSC01159

Design

แม้ว่าโรงแรมจะเปิดให้บริการมานานกว่า 20 ปี แต่การออกแบบของที่นี่ยังให้ความรู้สึกร่วมสมัย และมีเอกลักษณ์ตามจุดเด่นของรีสอร์ทที่ต้องการให้แขกที่มาเข้าพักรู้สึกเหมือนได้มาพักผ่อนในหมู่บ้านชนบทของชาวเชียงใหม่สมัยก่อน แต่การออกแบบภายในก็ยังคงเน้นความเรียบหรู ใช้โทนสีเหลืองตัดกับโทนสีน้ำตาลเข้มของไม้และหลังคาวิลล่าแต่ละหลังได้ดูดีมีคลาสมาก บอกตามตรงว่าก่อนมาพักเราคิดว่าที่นี่จะดูเก่าๆ เชยๆ แต่พอได้มาเห็นห้องจริง แม้ว่าจะเป็นห้องเริ่มต้น ก็ตกแต่งได้หรูหรา และไม่เก่าไม่เชยอย่างที่คิดไว้เลย

ไฮไลท์อีกจุดหนึ่งของรีสอร์ท คือทุ่งนาที่อยู่กลางรีสอร์ท ให้ความรู้สึกแตกต่าง เป็นธรรมชาติ และสวยงามแตกต่างกันไปตามฤดูกาล ทำให้การมาเข้าพักในช่วงเวลาที่แตกต่างไปนั้นมีความพิเศษ อย่างรอบก่อนเราได้มาช่วงฤดูฝน เจอทุ่งนาสีเขียวขจี ให้ความรู้สึกสดชื่น ส่วนครั้งนี้เรามาพักตอนที่ทุ่งนาเริ่มกลายเป็นสีทอง เข้าสู่ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว ก็ได้ความรู้สึกอบอุ่น สวยงามไปอีกแบบ แนะนำว่าหากใครอยากจะมาพักและคาดหวังที่จะได้ถ่ายรูปทุ่งนาสวยๆ ลองสอบถามกับทางรีสอร์ทก่อนได้นะ จะได้ไม่เสียเที่ยว

LM000269

Villa

ที่พักของที่นี่จะแบ่งออกเป็น Pavilion ซึ่งมีทั้งหมด 4 แบบ (ดีไซน์ภายในห้องและขนาดเท่ากัน แตกต่างกันที่วิว), Pool Villa (มีทั้งหมด 12 หลัง หน้าตาและขนาดเหมือนกัน) และ Private residences (ขนาดใหญ่สุด คือ 4 ห้องนอน) ห้องที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ คือ Upper Rice Terrace Pavilion ซึ่งเป็นห้องแบบ Pavilion ที่อยู่บนชั้นสอง มองเห็นวิวทุ่งนาได้จากมุมสูง และเป็นห้อง Pavilion ที่ราคาแพงสุด ในขณะที่จุดเด่นของห้อง Pool Villa คือความเป็นส่วนตัว และขนาดของห้องพักที่กว้างขวางมาก ซึ่งในรีวิวนี้เราจะพาไปชมห้อง 2 แบบที่เราจองมา คือ ห้อง Garden Pavilion ซึ่งเป็นห้องเริ่มต้น และห้อง Pool Villa ซึ่งเราได้ขออัพเกรดกับทางรีสอร์ทในภายหลัง จะได้มาชมรายละเอียดกันว่าแต่ละแบบมีข้อดีอย่างไรกันบ้าง หากสนใจกดติดตามอ่านรายละเอียดในรูปต่อไปได้นะครับ

LM000107

Overall

นอกจากบรรยากาศ ความสวยงาม และความหรูหราจากการได้เข้าพักที่ Four Seasons Resort Chiang Mai แล้ว ที่นี่ ยังมีกิจกรรมต่างๆ มากมายให้แขกที่เข้าพักได้มีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำน้องควาย, โยคะยามเช้า, Cooking class, Spa  แนะนำว่าถ้าจะมาพักที่นี่และอยากใช้เวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศและกิจกรรมต่างๆ ให้เต็มที่ ควรมาพักอย่างน้อย 2 คืน เพราะเรามาพักแค่คืนเดียว ยังรู้สึกไม่เต็มอิ่ม และมีอะไรที่อยากทำเยอะแยะไปหมด โดยส่วนตัวเราประทับใจในบรรยากาศของรีสอร์ท ความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่คิดและจัดวางเพื่อให้เข้ากับธรรมชาติโดยรอบได้เป็นอย่างดี มองไปมุมไหนก็สวยไปหมด พนักงานทุกคนยิ้มแย้ม และมี Service mind ที่ดีมาก อาหารเช้าเป็น Buffet ที่มีความหลากหลาย และรสชาติดี เป็นอีกรีสอร์ทที่อยากแนะนำและตั้งใจอวยให้เพื่อนๆ ได้ไปลองพักกันดู เพราะช่วงนี้ทางรีสอร์ททำโปรโมชั่นมาค่อนข้างดี สามารถเข้าถึงได้ (กว่าเดิม) แต่มีจุดที่อาจจะต้องระวังนิดนึงสำหรับคนที่ไม่ชอบความเงียบสงบ หรือพวกแมลงที่อาจจะพบเจอได้บ้าง กับราคาที่ค่อนข้างสูงไปในช่วงเวลาปกติ (ที่กำลังจะเริ่มกลับมาปกติในอีกไม่นานนี้) หากใครสนใจก็รีบจอง รีบใช้เราเที่ยวด้วยกันก่อนสิทธิจะหมดนะ จะได้ไม่พลาดประสบการณ์การเข้าพักในรีสอร์ทระดับท็อปของประเทศในครั้งนี้ไป

หากใครอยากอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถกดเข้าไปดูในแต่ละรูปได้เลยครับ เพราะมีเรื่องให้เล่าเยอะมากจริงๆ

และคราวหน้าจะพาไปเที่ยวที่ไหนอีก อย่าลืมรอติดตามเพจ ThirtyWander กันนะครับ…

LM000068

เข้ามาถึงบริเวณด้านหน้า Lobby จะเจอกับพระพิฆเนศองค์ใหญ่ตั้งอยู่ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่น

IMG_4207

ทางฝั่งขวาของพระพิฆเนศ คือ Lobby ของรีสอร์ท สามารถขับรถมา drop-off บริเวณนี้ได้

DSC01146

บริเวณ Lobby ของรีสอร์ท ตัวอาคารสร้างจากไม้แท้
ลักษณะเป็น Outdoor Lobby อยู่ในจุดที่สูงสุดของรีสอร์ท มองเห็นวิวทุ่งนาด้านล่าง

LM000100

ภาพอีกฝั่งของ Lobby มีโซฟาให้แขกที่มา check-in ได้นั่งพัก

LM000101

วิวทุ่งนาและภูเขาสูงจาก Lobby

IMG_4357

check-in เรียบร้อยทางรีสอร์ทจะให้ Key card พร้อมแผนผังของรีสอร์ท ออกแบบดูดีทีเดียว
ห้องพักที่เราจะพาไปชมอยู่ที่ P9 และ PV10

DSC01167

Key card ของรีสอร์ททำจากไม้ สวยงามและดูแพงมาก

เนื่องจากเราจองห้องพักแบบ Garden Pavilion ซึ่งเป็นห้องเริ่มต้นที่ราคาถูกสุดของรีสอร์ท แต่เรามาเข้าพักกัน 3 คน ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถเสริมเตียงได้ แต่พนักงาน Offer การอัพเกรดห้องพักจากห้องเดิม ไปเป็น Pool villa ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง และเป็นส่วนตัวกว่า ในราคาที่เพิ่มมาไม่มากนัก เราจึงตัดสินใจอัพเกรดไปตามคำแนะนำ (เชื่อคนง่ายอะเนอะ 555) ระหว่างรอ Pool villa เตรียมพร้อม พนักงานจึงพาเรามารอที่ห้อง Garden Pavilion ซึ่งเป็นห้องเดิมที่เราได้จองมา จึงถือโอกาสเก็บภาพห้องนี้มาให้ได้ชมกันด้วยเลย

DSC01165

ระหว่างทางไปห้อง Garden Pavilion รอบๆ คือห้องแบบ Pavilion ทั้งหมด และวิวสวน

DSC01163

ห้องพักของเราจะอยู่ที่ชั้นล่าง ห้อง 904 อยู่ไม่ไกลจาก Lobby เท่าไร

DSC01161

บริเวณด้านหน้าห้องพัก 904

DSC01147

เปิดเข้ามาในห้องพักเจอแบบนี้เลย สวยงามดูดีมีชาติตระกูลมาก

DSC01149

เห็นห้องนี้แล้วรู้สึกว่าห้องเริ่มต้นก็สวยงามเพียงพอแล้ว ถ้าไม่ได้ต้องการวิวทุ่งนา ห้องเริ่มต้นคือคุ้มแล้ว

DSC01153

ด้านซ้ายของเตียงคือห้องน้ำ พื้นที่ใหญ่มาก ทางเข้าขนาบด้วยอ่างล้างหน้า 2 อ่างด้านซ้าย ตู้เสื้อผ้าด้านขวา
ในสุดคืออ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ แยกห้องอาบน้ำและห้องสุขาอยู่ด้านซ้ายและขวา

DSC01171

Garden view จากหน้าต่างบานใหญ่ในห้อง

DSC01169

ห้องแบบ Pavillion จะมีชานพักยื่นออกมานอกห้อง มานั่งรับลมชมวิวได้

DSC01180

ต่อไปเราจะพามาชมห้องที่เราเข้าพักจริงๆ ในคืนนี้กันครับ นั่นคือห้อง Pool Villa 10 ซึ่งโซนนี้จะแยกมาอีกฟากของรีสอร์ท
ไม่เห็นวิวทุ่งนาใดๆ เน้นความเป็นส่วนตัว และมีสระให้ว่ายน้ำเล่นกันได้สบายๆ

DSC01181

บริเวณทางเข้า Pool Villa

DSC01307

เข้ามาด้านใน Pool Villa เราจะเจอกับสระและทางเดินเล็กๆ ที่อยู่ล้อมรอบห้องพักของเรา
อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นสวน ซึ่งมีฝักบัวสำหรับอาบน้ำ Outdoor ก่อนที่จะเดินลงสระว่ายน้ำ

DSC01279

แสงและเงายามบ่ายในห้องคือดีมาก

DSC01185

บรรยากาศภายในห้องพักของเรา จริงๆ บริเวณปลายเตียงจะเป็นโซฟาสำหรับนั่งเล่นดูทีวีได้
แต่เรามาพักกัน 3 คน จึงกลายสภาพไปเป็นเตียงเสริมอย่างที่เห็น
ห้องพักจะออกแบบเป็นแนวยาว ลึกจากส่วนของห้องพักไปจนถึงสระว่ายน้ำ

DSC01200

ด้านข้างของวิลล่าเป็นกระจกบานใหญ่ ให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง
ทีวีสามารถหมุนไปมาได้ นั่งดูตรงไหนก็หันไปทางนั้น มีลำโพง Bluetooth ของ Bose ให้ใช้ด้วย

DSC01186

สระว่ายน้ำไล่ระดับจากตื้น ไปลึกสุดที่ริมขอบสระติดกับลำธารเล็กๆ
ด้านในสุดจะมีจากุชชี่ให้นั่งแช่ได้ และมีสระเด็กอยู่ข้างๆ

DSC01191

มีศาลาให้นั่งเล่นริมสระ

IMG_4277

หน้าตาของ Pool Villa แบบเต็มๆ

DSC01197

ส่วนของโต๊ะทำงานอยู่ด้านหลังเตียง มองเห็นวิวด้านนอก

DSC01198

ทางฝั่งขวาคือประตูทางเข้า Villa

DSC01296

Minibar มีกาแฟแคปซูลและชาไว้ให้บริการ

DSC01195

มาชมห้องน้ำกันบ้างครับ ห้องน้ำของ Pool Villa คือใหญ่มากกกก
ใครชอบห้องน้ำกว้างๆ คือฟินแน่นอน สำหรับรูปแรกนี้ถ่ายไปฝั่งนึงซึ่งเป็น walk-in closet
ตรงกลางห้องน้ำจะเป็นอ่างล้างหน้าและกระจกบานใหญ่

DSC01196

อีกฝั่งของห้องน้ำจะเป็นห้องสุขา และ Shower แยกห้องกัน

DSC01193

การตกแต่างในห้องน้ำดูหรูหรา และคงเอกลักษณ์ของความเป็นภาคเหนือได้เป็นอย่างดี
สีที่ใช้ยังเป็นโทนสีเหลือง ครีม และสีไม้น้ำตาลเข้ม เรียบหรูดูแพง โคมไฟก็สวย

IMG_4351

ไฮไลท์ในห้องน้ำก็คืออ่างอาบน้ำที่ Take view outdoor ได้แบบเต็มๆ
ยิ่งช่วงสายๆ แสงส่องเข้ามามันดีมากๆ

DSC01213

ชมห้องพักทั้งสองแบบกันเต็มที่แล้ว เราจะพาไปชมส่วนกลางของรีสอร์ทกันบ้างครับ
เริ่มกันที่จุดขายของรีสอร์ท นั่นคือ ทุ่งนา แนะนำว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาถ่ายรูปทุ่งนาคือช่วงเย็น
ประมาณสักบ่าย 4 โมงก็เริ่มมาถ่ายรูปเล่นได้แล้วครับ จะได้รอชมกิจกรรมไฮไลท์ของที่นี่ไปด้วยเลย

DSC01206

กิจกรรมไฮไลท์ที่ว่า คือ ประมาณ 17.00 น.ของทุกวัน จะมีชาวนามาร้องรำทำเพลงก่อนที่เขาจะเลิกงานกลับบ้านครับ
เรามายืนให้กำลังใจ โบกมือทักทายชาวนากันได้ ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีก็จบแล้ว

LM000081

บริเวณทางเดินรอบรีสอร์ทเป็นสวน ตกแต่งสวยงามและดูแลรักษาได้ดีมาก

LM000092

บรรยากาศภายในรีสอร์ทยามเย็น

LM000095

แม้เราจะพัก Pool Villa แล้ว แต่การมาถ่ายรูปที่ Main Pool ก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน

LM000106

สระว่ายน้ำของรีสอร์ทจะมี 2 สระด้วยกัน สระแรก คือ Main Pool อยู่ด้านบน เป็นสระใหญ่และค่อนข้างลึก
สระนี้จะควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ที่ 27 องศาตลอดเวลา ไม่ต้องกลัวน้ำเย็น
เหมาะกับคนที่อยากว่ายน้ำจริงจัง มี day bed รอบๆ สระให้นอนพักผ่อนได้สบายๆ

LM000116

ส่วนสระต่อมาที่เราชอบและแนะนำว่าต้องมาถ่ายรูป คือ Lower pool
ซึ่งเป็นสระที่อยู่ใกล้ชิดกับทุ่งนามากที่สุด

LM000195

สายถ่ายรูปแนะนำให้มาช่วงเช้าๆ เพราะสระจะโล่งมาก และถ่ายรูปไม่ย้อนแสง

LM000176

มุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก กดชัตเตอร์กันได้ไม่ยั้ง

LM000230

บริเวณรอบๆ รีสอร์ทยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ อีกเยอะมาก อย่าลืมเผื่อเวลาเดินเล่นกันด้วยนะ

LM000275

มุมสวยๆ ในรีสอร์ท

LM000238

ศาลานี้เป็นที่สำหรับคลาสโยคะ ใครสนใจสามารถติดต่อกับทางรีสอร์ทได้ครับ

LM000270

เป็นศาลาที่วิวดีมาก

LM000204

ปิดท้ายกันด้วย Breakfast ที่ห้องอาหาร KHAO ซึ่งเราเคยมาทาน Afternoon tea กันที่นี่แล้วในรีวิวครั้งก่อน

LM000099

บรรยากาศในห้องอาหาร KHAO

DSC01288

ในวันที่เราเข้าพักอาหารเช้าจะเป็น International Buffet มีให้เลือกหลากหลายมาก
สามารถเดินตักเอง หรือจะสั่งผ่านพนักงานก็ได้

DSC01292

เมนูที่ไม่ควรพลาด คือ Egg benedict และติ่มซำ โดยเฉพาะติ่มซำนี่กุ้งตัวโต เต็มปากเต็มคำมาก

IMG_4256

สุดท้ายนี้เราจะมาสรุปจุดที่ชอบและจุดที่ยังไม่ค่อยโดนสำหรับ Four Seasons Resort Chiang Mai กันครับ

จุดที่ชอบ

  • การออกแบบและบรรยากาศภายในรีสอร์ท คือ จุดแข็งและจุดขายของที่นี่จริงๆ ครับ อย่างที่บอกว่าเราเคยเข้ามาทานแค่ Afternoon tea แต่ก็รู้สึกประทับใจกับที่นี่มากจนต้องมาพักให้ได้สักครั้ง แม้หลายคนเห็นรูปแล้วอาจจะรู้สึกว่าที่นี่ดูเก่าดูเชย อยากให้ได้ลองมาที่นี่ดูสักที จะเปลี่ยนความคิดใหม่เลยครับ
  • การบริการ ควรค่าแก่การเป็น Luxury resort จริงๆ ตั้งแต่ยามหน้ารีสอร์ท พนักงานทุกส่วน ล้วนมี Service mind แม้ว่าเราจะมาพักในราคาโปรโมชั่น แต่พนักงานก็ดูแล และ offer หลายๆ อย่างให้เป็นอย่างดี ยิ้มแย้ม และทักทายทุกครั้งที่พบเจอ Concern กับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่เรา complain ไปเสมือนเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ของเขาเลย
  • อาหารเช้า อร่อย และมีความหลากหลาย
  • ราคา (ในช่วงนี้) ลดลงมาเยอะมากครับ รีบไปพักนะ ก่อนจะกลับมาเป็นราคาปกติ 555

จุดที่ไม่ชอบ

  • บางท่านที่ Concern เรื่องแมลง หรือสัตว์ต่างๆ ที่อาจจะพบเจอได้ในบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยป่า อย่างเพื่อนเราเดินเหยียบตัวต่อตรงสระว่ายน้ำ ปวดเท้าไปครึ่งวัน แจ้งกับทางพนักงานก็ขอโทษขอโพยใหญ่เลย ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นสิ่งที่ Control ยากแหละ
  • ห้อง Pool Villa คือไม่เห็นวิวอะไรเลยจริงๆ นอกจากลำธาร ซึ่งไม่ได้สวยงามน่าชมเท่าทุ่งนา
  • ส่วนต่างราคาห้องเริ่มต้นกับห้องวิวทุ่งนาที่ต่างกันพอสมควร ทั้งที่มันต่างกันแค่วิวเท่านั้น โดยส่วนตัวเราว่าห้องเริ่มต้นคุ้มสุดแล้ว วิวทุ่งนาไปเดินเล่นถ่ายรูปเอาก็พอ
  • ราคาอาหารค่อนข้างแพง หากใครทุนทรัพย์จำกัด มีร้านอาหารด้านหน้ารีสอร์ท หรือจะไปหาอาหารบ้านๆ กินที่ตลาดแม่ริมก็ได้อยู่ (มี 7-11 ให้ตุนขนมกับเครื่องดื่มเข้ามาด้วยนะ)