Intercontinental Paris – Le Grand : Historical hotel in Paris

Stay in the Historical Hotel

ทริปปารีสครั้งนี้ เราจะพาทุกคนมาชมโรงแรมหรู ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 160 ปี นั่นคือโรงแรม Intercontinental Paris – Le Grand ซึ่งตั้งอยู่ติดกับ Palais Ganier หรือ Opera Ganier โรงละครที่เป็นต้นแบบของละครเวทีชื่อดังอย่าง Phantom of the Opera โดยดั้งเดิมโรงแรมนี้ชื่อว่า “Le Grand Hotel” เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1862 ใช้เป็นที่ต้อนรับราชวงศ์และบุคคลสำคัญต่างๆ จากหลากหลายประเทศ จนกระทั่งในปี 1982 โรงแรมนี้ได้เข้ามาอยู่ในเครือ IHG และกลายเป็นโรงแรม Intercontinental Paris – Le Grand จนถึงปัจจุบัน

อาคารของโรงแรมมีทั้งหมด 4 ชั้น และมีห้องพักทั้งหมด 470 ห้อง ซึ่งถือว่าเป็นโรงแรมที่ขนาดใหญ่มากแห่งหนึ่งในปารีส โดยห้องพักของโรงแรมเพิ่ง Renovate ไปล่าสุดเมื่อปี 2021 โดยนักออกแบบ Pierre-Yves Rochon ทำให้ห้องพักและภายในโรงแรมทั้งหมดตอนนี้มีความสวยงาม ดูใหม่ แต่ยังคงกลิ่นอายของความคลาสสิกไว้เป็นอย่างดี

จุดเด่นของโรงแรมนอกจากความอลังการและหรูหราแบบ Parisian แล้ว ทำเลของโรงแรมยังสะดวกสบายต่อการเดินทางท่องเที่ยวในปารีสมากๆ เพราะโรงแรมตั้งอยู่แถว Opera ซึ่งมีห้างใหญ่อย่าง Galeries Lafayette , Printemps สามารถเดินไปถนน St.Honore ยาวไปจนถึง Louvre Museum ได้ มีจุดจอดรถ RoissyBus จากสนามบิน Charles de Gaulle อยู่ฝั่งตรงข้ามของโรงแรม ใกล้สถานี Metro และป้ายรถบัสอีกหลายสาย ทำให้การท่องเที่ยวในปารีสเป็นเรื่องง่าย และสะดวกมาก

ในส่วนของห้องพัก เราพักห้อง “1 King Premium Balcony ” จุดเด่นของห้องนี้ คือ ขนาดห้องที่ค่อนข้างกว้าง (กว่าห้องพักของโรงแรมทั่วไปในปารีส) มีอ่างอาบน้ำ และมีระเบียงให้ออกไปชมวิวได้ ภายในห้องตกแต่งได้สวยงาม คลาสสิก และยังคงกลิ่นอายของความเป็น Le Grand Hotel ในอดีตเอาไว้ เตียงนอนคือนุ่มดูดวิญญาณไปเลย และสิ่งที่เซอร์ไพรส์สุดๆ คือ โรงแรมนี้มีสายฉีดชำระให้ในห้องน้ำด้วย ซึ่งปกติไม่น่าพบเจอได้ในโรงแรมโซนยุโรป

นอกจากนี้เรายังได้ใช้บริการที่ Lounge ของโรงแรม ซึ่งให้บริการทั้ง Breakfast , Afternoon tea และ Evening Cocktails แนะนำว่าหากใครอยากใช้เวลาพักที่โรงแรม หลังจากบินมาถึงปารีสในวันแรก การจองห้องแบบรวม Lounge access เป็นอะไรที่คุ้มมาก เพราะมีอาหาร เครื่องดื่มให้ได้อิ่มท้องตลอดวัน ส่วน Breakfast เราเลือกลงมาทานที่ห้องอาหาร Cafe de la Paix ห้องอาหารหลักของโรงแรม Breakfast Buffet ที่นี่เขาจัดเต็มมาก ทั้ง Pastry , สลัด , cold cuts และยังมีอาหารเอเชียอย่าง ข้าวต้ม ปาท่องโก๋ ซุปมิโสะ ให้บริการด้วย เพราะแขกที่มาเข้าพักเป็นเอเชียค่อนข้างเยอะ

จากการได้มาพักที่นี่เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน โดยส่วนตัวเราค่อนข้างประทับใจกับความสะดวกสบายทั้งในโรงแรม การเดินทางจากสนามบิน และการเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ เป็นโรงแรมที่เหมาะและตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี อาหารเช้าหลากหลาย และรสชาติอร่อย พนักงานและการบริการสมมาตรฐานเครือ IHG มั่นใจได้เรื่องความปลอดภัย ราคาห้องพักเริ่มต้นประมาณ 400 Euro / คืน (ในช่วง Low season แบบช่วงที่เรามาพักนะ) ส่วนใครอยากอ่านรีวิวแบบละเอียด ตามมาอ่านกันได้ในโพสท์นี้ได้เลยครับ

บริเวณเคาน์เตอร์ check-in

บริเวณโถงลิฟท์ของโรงแรม

ติดกับ Lobby คือ The Verriere เป็นส่วนคาเฟ่ของโรงแรม สำหรับมานั่งดื่มกาแฟ จิบชายามบ่าย

บรรยากาศที่ Club Lounge

Breakfast ที่ Club Lounge ไลน์จะไม่อลังการเท่ากับห้องอาหารหลัก แลกกับบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวมากกว่า

Afternoon tea

ต่อไปเราจะขึ้นไปชมห้องพักของเรากันครับ อย่าลืมแวะถ่ายรูปกันที่โถงบันไดด้วยนะ สวยมากๆ

ห้องพักของเรา 1 King Premium Balcony

ด้านข้างเตียงมีตู้เสื้อผ้าให้สองตู้ ใส่ของได้แบบจุใจ มีเครื่องทำกาแฟแคปซูล และ Minibar อยู่ในตู้ด้านล่าง

ห้องน้ำกว้าง มีอ่างอาบน้ำ และห้อง Shower แยกเป็นสัดส่วน

มีระเบียงให้ออกไปถ่ายรูปได้ด้วย

วิวจากห้องของเรา มองออกไปเห็น Galeries Lafayette ได้ แต่ถ้าใครมีงบเยอะหน่อย แนะนำจองห้องพักวิว Opera ไปเลย ถ่ายรูปออกมาจะได้วิวปังๆ

พามาชม Breakfast ที่ห้องอาหาร Cafe de la Paix

เป็นห้องอาหารที่ตกแต่งได้สวยงามมาก ถ่ายรูปสวยทุกมุม

ไลน์ Buffet หลากหลายมาก หากมาพักที่นี่แนะนำให้จองห้องแบบรวมอาหารเช้ามาด้วยนะ

หน้าตามื้อเข้าของเรา

และนี่ก็คือรีวิว Intercontinental Paris – Le Grand
มาสรุปภาพรวมจุดที่เราชอบ
– การออกแบบของโรงแรม สวย คลาสสิคมาก ให้ฟีลในการมาพักปารีสอย่างแท้จริง
– ห้องพักกว้าง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ มีสายฉีดก้น เตียงนอนดูดวิญญาณ หมอนนุ่มมาก
– อาหารเช้าหลากหลาย รสชาติดี ของคุณภาพดี
– ราคาเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ สมเหตุสมผล
– ทำเลสะดวกสบาย โดยเฉพาะการเดินทางจากสนามบิน และเหมาะกับคนชอบช็อปปิ้ง
– การบริการดี ได้มาตรฐานโรงแรม 5 ดาว

จุดที่อยากให้ปรับปรุง
– น้ำที่ Shower เบาไปหน่อย เวลาอาบไม่ค่อยสะใจเท่าไร
– พนักงาน (บางคน) สื่อสารภาษาอังกฤษกันแล้วอาจจะงงๆ นิดหน่อย (หรือเค้างงเรา?) ทำให้ตอน check-out เกิดจากชาร์จเงินผิดไป ต้องใช้เวลาสื่อสารพอสมควรกว่าจะเข้าใจตรงกัน
– ในฐานะ IHG Ambassador สิ่งที่รีเควสไปล่วงหน้าตั้งแต่ตอนจอง ไม่ได้เลยสักอย่าง 555 แถมตอนแรกก่อนบิน 2 วัน ในแอพบอกได้อัพเกรดมาห้อง Suite พอถึงหน้างานกลับโดน Downgrade ซะงั้น
– ลิฟท์ของโรงแรมไม่ล็อคชั้นตาม Key card คือต่อให้ไม่ใช่แขกที่มาพักก็กดขึ้นได้สบายมาก (คงเพราะลิฟท์มันรุ่นเก่าแก่มากแล้ว) แต่จากที่อยู่มาพนักงานด้านหน้าก็คัดกรองได้ดีระดับหนึ่งนะ แต่ในใจลึกๆ ก็แอบกังวลแหละ
– ห้องพักที่นี่ค่อนข้างเยอะ ถ้ามาในช่วง High-season คิดว่าบรรยากาศคงดูวุ่นวายแน่ๆ โดยเฉพาะที่ห้องอาหาร